Digital lending คือการให้กู้ยืมเงินผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลหรือออนไลน์ แทนการใช้วิธีการแบบดั้งเดิมที่ต้องใช้เอกสารและการนัดหมายที่สถาบันการเงิน แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ใช้ในการให้กู้ยืมเงินมักจะมีการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อประเมินความเสี่ยงของผู้กู้และตัดสินใจให้กู้ยืมเงินอย่างรวดเร็ว กระบวนการนี้ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขอสินเชื่อ โครงสร้างของ Digital Lending ประกอบด้วยหลายส่วนที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้กระบวนการกู้ยืมเงินเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ดังนี้
1.
แพลตฟอร์มดิจิทัล
(Digital
Platform) เป็นส่วนกลางที่เชื่อมต่อผู้กู้ยืมและผู้ให้กู้
รวมถึงใช้ในการจัดการข้อมูล การสมัครสินเชื่อ และการประเมินความเสี่ยง เป็นระบบออนไลน์ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับการดำเนินการกู้ยืมเงินทางดิจิทัล
โดยเชื่อมต่อระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้ผ่านอินเทอร์เน็ต
แพลตฟอร์มนี้รวมฟังก์ชันหลายอย่าง เช่น การสมัครสินเชื่อ การยืนยันตัวตน (KYC)
การประเมินความเสี่ยง การอนุมัติสินเชื่อ การปล่อยสินเชื่อ
และการจัดการสินเชื่อ
ทั้งหมดนี้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพผ่านระบบอัตโนมัติ
นอกจากนี้
แพลตฟอร์มดิจิทัลยังมักมีการรวมเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงเพื่อปกป้องข้อมูลผู้ใช้และการทำธุรกรรม
รวมถึงมีระบบบริการลูกค้าและการรายงานที่ช่วยให้ทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้สามารถติดตามสถานะการกู้ยืมและรับคำแนะนำได้อย่างสะดวก
แพลตฟอร์มดิจิทัลช่วยลดขั้นตอนที่ซับซ้อนและเวลาที่ใช้ในการดำเนินการสินเชื่อ
ทำให้กระบวนการกู้ยืมเงินเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายมากขึ้น
2.
การสมัครและการยืนยันตัวตน
(Application
and KYC - Know Your Customer) กระบวนการที่ผู้กู้ยืมกรอกข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินลงในแพลตฟอร์มดิจิทัล
และผ่านการยืนยันตัวตนตามมาตรฐาน KYC เป็นกระบวนการสำคัญใน Digital
Lending ที่ช่วยให้ผู้ให้กู้สามารถประเมินและยืนยันตัวตนของผู้กู้ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
ในขั้นตอนการสมัคร ผู้กู้จะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์
รายได้ และข้อมูลทางการเงินอื่น ๆ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
จากนั้นขั้นตอนการยืนยันตัวตนตามมาตรฐาน KYC จะมีการตรวจสอบข้อมูลนี้ร่วมกับเอกสารประกอบ
เช่น บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือหลักฐานการทำงาน
เพื่อยืนยันว่าผู้กู้คือบุคคลที่แท้จริง
กระบวนการนี้ช่วยป้องกันการฉ้อโกงและการใช้ข้อมูลเท็จในการสมัครสินเชื่อ
นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ให้กู้สามารถประเมินความเสี่ยงและตัดสินใจในการให้สินเชื่อได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
3.
การประเมินความเสี่ยง
(Risk
Assessment) ใช้อัลกอริทึมและเทคโนโลยีในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ผู้กู้ยืมส่งมาเพื่อประเมินความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ
ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบเครดิตและพฤติกรรมทางการเงิน เป็นกระบวนการสำคัญที่ใช้ในการวิเคราะห์และประเมินความเสี่ยงของผู้กู้ยืมเงินใน
Digital Lending โดยอาศัยเทคโนโลยีและอัลกอริทึมขั้นสูงในการวิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินของผู้กู้
เช่น ประวัติเครดิต รายได้ หนี้สิน และพฤติกรรมการชำระเงิน
กระบวนการนี้ช่วยให้ผู้ให้กู้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและแม่นยำในการอนุมัติสินเชื่อ
รวมถึงกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม
การประเมินความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้และเพิ่มความมั่นคงในการให้สินเชื่อ
นอกจากนี้ยังช่วยให้กระบวนการอนุมัติสินเชื่อรวดเร็วและง่ายขึ้น
ทำให้ผู้กู้สามารถได้รับสินเชื่อในเวลาที่สั้นลง
4.
การอนุมัติสินเชื่อ
(Loan
Approval) กระบวนการที่ใช้ข้อมูลจากการประเมินความเสี่ยงเพื่อตัดสินใจให้กู้ยืมเงิน
ซึ่งการตัดสินใจนี้สามารถทำได้อย่างรวดเร็วผ่านระบบอัตโนมัติ เป็นขั้นตอนที่สำคัญในกระบวนการ
Digital Lending ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ในการตัดสินใจว่าควอมอบสินเชื่อให้กับผู้กู้หรือไม่
หลังจากที่ผู้กู้ได้ทำการสมัครและผ่านการประเมินความเสี่ยงแล้ว
ข้อมูลและผลการประเมินจะถูกนำมาพิจารณาเพื่อการตัดสินใจ
ผู้ให้กู้จะใช้ระบบอัตโนมัติและอัลกอริทึมในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด เช่น
ประวัติเครดิต รายได้ และความสามารถในการชำระหนี้
เพื่อกำหนดว่าจะอนุมัติสินเชื่อหรือไม่ รวมถึงกำหนดเงื่อนไขของสินเชื่อ เช่น
อัตราดอกเบี้ย และระยะเวลาการชำระคืน
การอนุมัติสินเชื่อที่รวดเร็วและแม่นยำช่วยให้กระบวนการกู้ยืมเงินเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบายสำหรับผู้กู้
นอกจากนี้ยังช่วยให้การจัดการความเสี่ยงของผู้ให้กู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
5.
การปล่อยสินเชื่อ
(Loan
Disbursement) เมื่อสินเชื่อได้รับการอนุมัติ
เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีผู้กู้ยืมโดยตรงผ่านช่องทางดิจิทัล เป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นหลังจากที่การอนุมัติสินเชื่อเสร็จสมบูรณ์
ซึ่งเป็นกระบวนการที่เงินกู้จะถูกโอนเข้าสู่บัญชีของผู้กู้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
การปล่อยสินเชื่อมักจะดำเนินการอย่างรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
โดยการโอนเงินจะใช้เทคโนโลยีการทำธุรกรรมออนไลน์ที่ปลอดภัยเพื่อให้แน่ใจว่าเงินจะถูกโอนเข้าสู่บัญชีของผู้กู้อย่างถูกต้องและตรงเวลา
ขั้นตอนนี้ช่วยให้ผู้กู้สามารถเข้าถึงเงินทุนที่ต้องการได้ทันทีหลังจากได้รับการอนุมัติสินเชื่อ
ซึ่งเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการใช้เงินกู้เพื่อวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เช่น
การซื้อสินค้า การลงทุน หรือการชำระหนี้อื่น ๆ นอกจากนี้
การปล่อยสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพยังช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับผู้กู้และส่งเสริมความเชื่อมั่นในระบบการกู้ยืมดิจิทัล
6.
การจัดการสินเชื่อ
(Loan
Management) ระบบที่ใช้ในการติดตามการชำระเงิน
การคำนวณดอกเบี้ย และการแจ้งเตือนผู้กู้ยืมเกี่ยวกับการชำระเงิน เป็นกระบวนการที่ใช้ในการติดตามและบริหารจัดการการชำระเงินของสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติและปล่อยให้แก่ผู้กู้
การจัดการสินเชื่อประกอบด้วยการติดตามสถานะการชำระเงิน การคำนวณดอกเบี้ย
การตรวจสอบยอดหนี้คงเหลือ และการจัดการกับการชำระเงินที่ล่าช้าหรือผิดนัด โดยส่วนใหญ่จะมีระบบอัตโนมัติที่ช่วยในการคำนวณและติดตามข้อมูลเหล่านี้อย่างแม่นยำ
การจัดการสินเชื่อที่มีประสิทธิภาพช่วยให้การติดตามสถานะการชำระเงินเป็นไปอย่างราบรื่นและโปร่งใส
ซึ่งทำให้ทั้งผู้กู้และผู้ให้กู้สามารถตรวจสอบยอดคงเหลือและการชำระเงินได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการผิดนัดชำระหนี้และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าผ่านการแจ้งเตือนและการให้บริการที่ดี
7.
การบริการลูกค้า
(Customer
Service) ส่วนที่ให้บริการลูกค้าในการตอบข้อสงสัยและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงิน
ในบริบทของ Digital Lending เป็นกระบวนการที่ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือผู้กู้ตลอดระยะเวลาของการกู้ยืมเงิน
ตั้งแต่ขั้นตอนการสมัครสินเชื่อจนถึงการจัดการการชำระเงิน
ผู้ให้บริการจะมีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย เช่น แชทสด, อีเมล,
หรือโทรศัพท์
เพื่อให้ความช่วยเหลือในกรณีที่ผู้กู้มีข้อสงสัยหรือปัญหา
การบริการลูกค้ามักรวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการสมัครสินเชื่อ
การตอบคำถามเกี่ยวกับเงื่อนไขสินเชื่อ และการแก้ไขปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน การบริการที่ดีและมีคุณภาพช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า
และสร้างความไว้วางใจในระบบการกู้ยืมเงินดิจิทัล
การตอบสนองอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพช่วยให้ผู้กู้รู้สึกได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและมั่นใจในการใช้บริการ
8.
การรายงานและการวิเคราะห์
(Reporting
and Analytics) ระบบที่ใช้ในการรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน
การประเมินประสิทธิภาพของสินเชื่อ และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงบริการ เป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดการและตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบการกู้ยืมเงินดิจิทัล
โดยการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อ เช่น ข้อมูลการสมัครสินเชื่อ
การอนุมัติ การชำระเงิน และสถานะหนี้สิน
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกจัดทำเป็นรายงานและวิเคราะห์เพื่อให้เห็นภาพรวมของการดำเนินงานและประสิทธิภาพของการบริการ
การวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถระบุแนวโน้มและปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการและกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยง
การรายงานยังช่วยให้ผู้จัดการสามารถติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างชัดเจนและทำการตัดสินใจที่มีข้อมูลรองรับ
ซึ่งส่งผลให้การดำเนินงานของระบบการกู้ยืมเงินดิจิทัลมีความโปร่งใสและสามารถปรับตัวได้ตามความต้องการของตลาด
9.
การรักษาความปลอดภัย
(Security)
การใช้เทคโนโลยีและมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการทำธุรกรรมทางการเงินของผู้กู้ยืม
เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในระบบการกู้ยืมเงินดิจิทัลเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการทำธุรกรรมของผู้กู้จากภัยคุกคามและการโจมตีทางไซเบอร์
การรักษาความปลอดภัยมักประกอบด้วยการใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูล (Encryption)
เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
ระบบการตรวจสอบสิทธิ์ที่แข็งแกร่ง เช่น
การใช้รหัสผ่านที่ซับซ้อนและการตรวจสอบแบบสองปัจจัย (Two-Factor
Authentication) เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ใช้
การติดตามและตรวจสอบกิจกรรมที่ผิดปกติ (Monitoring and Intrusion
Detection) เพื่อจับสัญญาณการโจมตีหรือการละเมิดความปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพช่วยให้การจัดการสินเชื่อดิจิทัลเป็นไปอย่างปลอดภัย
ปกป้องข้อมูลสำคัญ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้กู้และผู้ให้บริการ
ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างและรักษาความไว้วางใจในระบบการกู้ยืมเงินดิจิทัล
โครงสร้างนี้ช่วยให้ Digital Lending สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปลอดภัย และสะดวกสบายสำหรับผู้กู้ยืมและผู้ให้กู้
ส่วนประกอบหลักของ digital lending ได้แก่
1.
การสมัครออนไลน์ ผู้กู้สามารถกรอกข้อมูลและส่งเอกสารที่จำเป็นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
2.
การประเมินความเสี่ยง ใช้เทคโนโลยีและอัลกอริทึมในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้กู้เพื่อตัดสินใจให้กู้
3.
การอนุมัติอย่างรวดเร็ว กระบวนการดิจิทัลช่วยให้การอนุมัติสินเชื่อเร็วขึ้น
4.
การจัดการสินเชื่อ ระบบจัดการการชำระเงินและติดตามสถานะสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
การพัฒนา Digital Lending มีหลายด้านที่สำคัญเพื่อให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ได้ดี
นี่คือข้อแนะนำสำหรับการพัฒนา Digital Lending
1. การออกแบบแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย
สร้างแพลตฟอร์มที่มีการออกแบบที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้
รวมถึงการมีอินเทอร์เฟซที่ตอบสนองได้ดีบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต
และคอมพิวเตอร์
การออกแบบที่ดีช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและลดความซับซ้อนในการสมัครและจัดการสินเชื่อ
2. การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม
นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เช่น
การวิเคราะห์ข้อมูลใหญ่ (Big
Data), ปัญญาประดิษฐ์ (AI), และการเรียนรู้ของเครื่อง
(Machine Learning) เพื่อปรับปรุงการประเมินความเสี่ยงและการอนุมัติสินเชื่ออย่างแม่นยำและรวดเร็ว
3. การรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
ลงทุนในการพัฒนาและปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัย
เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบการเข้าถึง และระบบป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์
เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการทำธุรกรรมของผู้กู้
4. การพัฒนาบริการลูกค้า สร้างช่องทางการติดต่อที่หลากหลายและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
เช่น แชทสด การสนับสนุนผ่านโทรศัพท์ และการให้ข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์
เพื่อให้ผู้กู้ได้รับการช่วยเหลือและคำแนะนำที่มีคุณภาพ
5. การปรับปรุงการประเมินความเสี่ยง
ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลทางการเงินที่หลากหลายในการประเมินความเสี่ยงของผู้กู้
เพื่อให้การอนุมัติสินเชื่อมีความแม่นยำและเป็นธรรม รวมถึงการพิจารณาข้อมูลภายนอก
เช่น ประวัติการชำระเงินในแอปพลิเคชันอื่น ๆ
6. การให้ข้อมูลและการศึกษา ให้ความรู้และข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับเงื่อนไขการกู้ยืม
วิธีการชำระเงิน และการจัดการสินเชื่อ
เพื่อให้ผู้กู้สามารถทำการตัดสินใจอย่างมีข้อมูล
7. การวิเคราะห์ข้อมูลและการรายงาน
ใช้ระบบการรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามประสิทธิภาพของระบบการกู้ยืมเงินและระบุปัญหาหรือโอกาสในการปรับปรุง
8. การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมายและปกป้องสิทธิของผู้บริโภค
การพัฒนา Digital Lending ให้ประสบความสำเร็จต้องการการวางแผนที่รอบคอบและการลงทุนในเทคโนโลยีและทรัพยากรที่จำเป็น
เพื่อให้บริการที่มีคุณภาพสูงและเป็นประโยชน์ต่อผู้กู้และผู้ให้กู้
Digital lending มีประโยชน์หลายประการ เช่น
- ความสะดวกสบาย ผู้กู้สามารถสมัครสินเชื่อได้ทุกที่ทุกเวลา
- ความรวดเร็ว การอนุมัติและการเบิกจ่ายเงินใช้เวลาน้อยกว่าแบบดั้งเดิม
- การเข้าถึง ผู้กู้ที่ไม่มีประวัติเครดิตที่แข็งแกร่งสามารถมีโอกาสได้รับสินเชื่อได้มากขึ้น
Digital lending กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น
รวมถึงความสะดวกสบายและความรวดเร็วในการขอสินเชื่อ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและควบคุม Digital
Lending ในประเทศไทย ธปท.
ได้ดำเนินการหลากหลายมาตรการเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและการใช้ Digital
Lending อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ดังนี้
1.
การออกแนวทางและกฎระเบียบ
ธปท. ได้ออกแนวทางและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับ Digital Lending เพื่อให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการ
Digital Lending ปฏิบัติตาม
เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและรักษาความเสถียรภาพทางการเงิน
2.
การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี
ธปท.
ได้ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการประเมินความเสี่ยงและการให้กู้ยืมเงิน
เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการให้บริการสินเชื่อ
3.
การกำกับดูแล
ธปท.
มีการกำกับดูแลและติดตามการดำเนินงานของสถาบันการเงินและผู้ให้บริการ Digital Lending เพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบและแนวทางที่กำหนด
4.
การส่งเสริมความรู้ความเข้าใจ
ธปท.
ได้ส่งเสริมการให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ Digital Lending แก่ผู้บริโภค
เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจในการใช้บริการได้อย่างมีข้อมูลและปลอดภัย
5.
การส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน
ธปท.
ได้ดำเนินการเพื่อให้ผู้คนที่ไม่มีประวัติเครดิตหรือมีประวัติเครดิตที่ไม่แข็งแกร่งสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น
ผ่าน Digital
Lending
การดำเนินการเหล่านี้ของ ธปท.
ช่วยให้ Digital
Lending ในประเทศไทยมีความปลอดภัยและเป็นธรรม
นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินสำหรับประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการ
SMEs
การนำ Digital Lending มาใช้กับ บสย.
(บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม)
สามารถเสริมสร้างประสิทธิภาพและการเข้าถึงบริการของ บสย. ได้อย่างมาก
นี่คือวิธีการและข้อดีในการใช้ Digital Lending กับ บสย.
วิธีการนำ Digital Lending มาใช้กับ บสย.
1. พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล สร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้บริการสมัครขอสินเชื่อและการประกันสินเชื่อ
ซึ่งรวมถึงการกรอกข้อมูลสมัคร การตรวจสอบสถานะการสมัคร
และการติดตามผลการอนุมัติผ่านทางออนไลน์
2. การใช้เทคโนโลยีในการประเมินความเสี่ยง ใช้เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการประเมินความเสี่ยงของผู้ขอสินเชื่อ
เช่น การตรวจสอบประวัติเครดิต การวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน
และการประเมินความสามารถในการชำระหนี้
3. ระบบอัตโนมัติในการอนุมัติ ใช้ระบบอัตโนมัติในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อที่รวดเร็วและแม่นยำ
ซึ่งช่วยลดเวลาที่ใช้ในการดำเนินการและทำให้การอนุมัติสินเชื่อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4. การจัดการการชำระเงินและติดตามสถานะ สร้างระบบการจัดการที่สามารถติดตามสถานะการชำระเงินของผู้กู้และการจัดการการชำระเงินอัตโนมัติ
ซึ่งช่วยลดภาระในการจัดการสินเชื่อและการติดตามสถานะของลูกค้า
5. การให้บริการลูกค้าออนไลน์ มีช่องทางการติดต่อและบริการลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
เช่น การแชทสดหรือการสนับสนุนผ่านอีเมล
ซึ่งช่วยให้ผู้กู้สามารถรับข้อมูลและความช่วยเหลือได้ทันที
6. การรายงานและการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้เครื่องมือการรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลในการติดตามประสิทธิภาพของการให้สินเชื่อและการประกันสินเชื่อ
รวมถึงการระบุแนวโน้มและปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
ข้อดีของการนำ Digital Lending มาใช้กับ บสย.
1. ความรวดเร็วและสะดวก ผู้ขอสินเชื่อสามารถสมัครและติดตามสถานะผ่านช่องทางออนไลน์
ซึ่งช่วยลดเวลาและความยุ่งยากในการดำเนินการ
2. การเข้าถึงข้อมูลที่แม่นยำ การใช้เทคโนโลยีช่วยในการประเมินความเสี่ยงและการตัดสินใจที่แม่นยำ
ซึ่งทำให้การอนุมัติสินเชื่อมีความถูกต้องและลดความเสี่ยงในการผิดนัด
3. การลดค่าใช้จ่าย ระบบอัตโนมัติช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและจัดการสินเชื่อ
รวมถึงลดความต้องการบุคลากรในการจัดการเอกสารและการประเมินความเสี่ยง
4. การปรับปรุงบริการลูกค้า การให้บริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ช่วยให้การให้บริการลูกค้าเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
5. การติดตามและการวิเคราะห์ที่ดีขึ้น การรายงานและการวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้ บสย.
สามารถติดตามและปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการตอบสนองต่อความต้องการของผู้กู้
การนำ Digital Lending มาใช้กับ บสย.
จะช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในการให้บริการและการจัดการสินเชื่อ
โดยช่วยให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางได้ดีขึ้น