วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การ Configure SIP Server of Avaya

1. การเริ่มต้นใช้งาน Web SES เพื่อสร้าง User Sip ให้ทำการเข้า Web Base เพื่อ Access ไปยังหน้า SES ก่อน เช่น Go to https://192.168.64.250 (IP Server of Communication Manager)
Login User: Admin (ตัวอย่าง)
Password: xxxxx (ตัวอย่าง)
2. ไปที่แทบหน้า Administration เลือกที่ Menu Sip Enablement Services



3. Add Sip User on Web SES
ที่แถบด้านซ้ายมือเลือกที่ User ให้ Add user ที่ต้องการให้ SIP gateway/phone ที่จะ Register เข้ามา ให้ Click สร้าง Extension บน CM ด้วย และจะไป Match กับการ Configure OPS on Site Admin



Site Admin
Add user Sip on Site Admin
1. ขั้นตอนการตรวจสอบ SIP Licenses
คำสั่ง: Display system-parameter customer
- หน้า1 ต้องมี Max Station กับ OPS
- หน้า2 ต้องมีตัว SIP Trunk



2. ขั้นตอนการกำหนด Codec ให้ตรงกับ 3rd gateway หรือหัวโทรศัพท์ SIP Phone ที่จะใช้
คำสั่ง: Change ip-codec-set 1



3. ขั้นตอนการสร้างเบอร์ Extension บน CM สำหรับ SIP users กำหนด password(security code)
Type 6408D และ port เป็น X (Security Code 123456)
คำสั่ง: Add station 1020



4. ทำการผูกเบอร์ที่สร้างบน CM ให้เป็นเบอร์สำหรับรับ Register 3rd (Off-pbx) โดยควรกำหนดเบอร์ให้เป็นเลขเดียวกันจะได้ไม่สับสน
คำสั่ง: add off-pbx-telephone station-mapping
Trunk Selection 4



5. หลังจากทำการสร้างเบอร์เสร็จให้ Save Configure
คำสั่ง: save tran

วิธีการติดตั้งโปรแกรม X-Lite v3.0 บน Windows

1. ทำการดาวน์โหลด X-Lite v3.0 สำหรับ Windows จาก http://www.counterpath.com/index.php?menu=download ซึ่งจะได้ไฟล์ชื่อ X-Lite_Win32_1006e_34025.exe ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์เพื่อทำการติดตั้ง
2. เริ่มทำการติดตั้ง X-Lite v3.0 สำหรับ Windows













3. เมื่อทำการติดตั้ง X-Lite v3.0 สำหรับ Windows เสร็จ หน้าตาของโปรแกรมก็เป็นดังรูป



การตั้งค่าใน X-Lite v3.0 สำหรับ Windows
1.เลือกที่ปุ่ม show menu แล้วเลือกที่ SIP Account Settings...



2. เมื่อขึ้นหน้าต่างของ SIP Account ขึ้นให้เลือกที่ปุ่ม add...



3. เมื่อขึ้นหน้าต่างของ Properties of Account ก็ทำการกำหนดค่าต่างๆ เข้าไปดังนี้ เมื่อทำการตั้งค่าเสร็จให้กดปุ่ม OK
Display Name : ชื่อที่จะแสดงเมื่อมีการโทรออก
User Name : Account ที่ใช้ในการ register
Password : Password ที่ใช้ในการ register
Authorization user name : เบอร์ที่ใช้ในการโทรเข้า (ชื่อเดียวกับ User Name)
Domain : ชื่อที่อยู่ของเซอร์ฟเวอร์
Domain Proxy : ที่อยู่ของเซอร์ฟเวอร์ที่จะทำการโทรเข้าไปยังเครื่องเป้าหมาย



4. เมื่อทำการตั้งค่าเสร็จ หน้าต่างของ SIP Account ก็จะมีค่าที่เรากำหนดไว้ กดที่ปุ่ม close เพื่อทำการ register ไปยังเซอร์ฟเวอร์



5. ถ้าทำการ register สำเร็จ บนหน้าจอของโปรแกรมก็จะขึ้นชื่อ account ของเราที่ทำการ register ไป



6. ทำการทดสอบโดยกดเบอร์เพื่อโทรมาที่เครื่องตัวเอง ตรง Taskbar ก็จะปรากฎหน้าต่างว่ามีคนโทรเข้ามา แสดงว่าโปรแกรมสามารถใช้งานได้แล้ว

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

EXALT IP Microwave

Exalt IP Radio เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความยกย่องและรองรับ Applications ทุกกลุ่มในตลาด โดยมีการใช้งานมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่การเชื่อมโยงเพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่กับองค์กรรัฐบาล หน่วยงานราชการ หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางสาธารณะและสาธารณูปโภค รัฐวิสาหกิจ และผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต โดยโซลูชั่นยังตอบสนองต่อความต้องการการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบเครือข่ายทั่วโลก ซึ่ง Exalt ยังมีผู้เชี่ยวชาญอุปกรณ์วิทยุไมโครเวฟที่จะคอยจัดการเรื่องโซลูชั่นต่างๆ เพื่อรองรับนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่และทำให้ช่วยลดต้นทุนในการลงทุนอีกมาก

มุมมอง Backhaul Link ทางเศรษฐกิจ
การเชื่อมต่อทางกายภาพของระบบเครือข่ายแบบ Backhaul นั้นจะมีด้วยกัน 3 แบบ คือ แบบข่ายสายทองแดง แบบสายไฟเบอร์ออฟติค และแบบไมโครเวฟ ซึ่งแบบข่ายสายทองแดงนั้นจะมีให้บริการแบบรายเดือนโดยผู้ให้บริการแต่ละรายภายในประเทศ ในขณะที่ระบบไมโครเวฟมักจะเป็นรายจ่ายการลงทุนเพียงครั้งเดียว ส่วนการใช้งานไฟเบอร์ออฟติคจะให้ความจุที่สูงโดยการลงทุนก็จะสูงตามมา

Copper (ข่ายสายทองแดง) การใช้งานข่ายสายทองแดงคือสื่อดั้งเดิมสำหรับการใช้งานประเภทเสียงและข้อมูลบน T1/E1/DS3 และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในการเชื่อมต่อกับระบบจุดต่อจุดหรือ Backhaul ในอเมริการเหนือ โดยวงจร T1/E1 จะรองรับความจุที่ 1.544/2.048 Mbps.
วงจร T1/E1 สามารถส่งรับส่งข้อมูลได้ถึง 1.544/2.48 Mbps. ในแต่ละทิศทางด้วยราคา 150 $us. ถึง 750 $us. ต่อเดือนขึ้นอยู่กับสถานที่และต้องเสียค่าติดตั้งเพิ่มเป็นเงินประมาน 625 $us. ต่อ 1xT1. ที่เอมริกาด้านเหนือราคาเฉลี่ยของ T1 อยู่ที 337 $us. ต่อเดือน
ข้อเสียของ T1/E1 นั่นคือราคาค่าบริการจะเพิ่มขึ้นตามขนาดของ Bandwidth ที่เช่าใช้งาน ดังนั้นเรืองราคากับประสิทธิภาพจะไม่เกี่ยวข้องกัน เวลาใช้ T1/E1 หลายเส้นพร้อมๆกัน ราคาของค่าเช่าวงจรขึ้นอยู่กับระยะทาง และจากสองสิ่งที่ต้องพึ่งพากัน คือ ขนาดของ Bandwidth และระยะทาง สิ่งนี้จึงถูกนำเสนอแทนด้วยระบบ IP Backhaul อย่างรวดเร็วและเป็นสิ่งที่สามารถทำได้และคุ้มค่ากับการลงทุน

Fiber (ใยแก้วนำแสง) Fiber (ใยแก้วนำแสง) สามารถส่งข้อมูลได้มากกว่า Copper (สายทองแดง) และจุดประสงค์หลักคือ สามารถทำ Digital Service และ Ethernet Service ได้ในเวลาเดียวกัน องค์กรที่ต้องการใช้งานการส่งข้อมูลที่มีปริมานสูง เช่นหน่วยงานหรือองค์กรรัฐวิสาหกิจหรือโอเปอร์เรเตอร์ของบริษัทใหญ่ๆ มักจะติดตั้งสาย Fiber ส่วนตัว แทนที่จะไปจ่ายค่าเช่าวงจร Lease Line แบบรายเดือน
กรณีใช้งานมาตรฐาน OC-3 ซึ่งมีปริมาณในการส่งข้อมูลได้ขนาด 155 Mbps. สามารถเปรียบเทียบกับระบบ Microwave ทั่วไปที่ใช้ Fiber OC-3 ที่มีราคาตกอยู่ที่ 4000 $us. ถึง 7500 $us. ต่อเดือนราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5536 $us. ต่อเดือนและค่าติดตั้งอยู่ที 7300 $us. ต่อเดือน
องค์กรที่เลือกที่จะติดตั้งระบบเครือข่ายส่วนตัว แทนที่จะใช้บริการเช่าเครือข่าย Fiber Optic จะต้องจ่ายค่าติดตั้งและราคาของค่าติดตั้งนั้นมีราคาสูงถึง 40000-50000 $us. ต่อระยะทาง 1 ไมล์

Microwave (ระบบไมโครเวฟ) ราคาของการติดตั้งระบบ Microwave แบ่งออกเป็น ค่าลงทุนที่เกี่ยวกับคลื่น Microwave อุปกรณ์ต่างๆ และต้นทุนที่เกิดขึ้นซ้ำอีก
• ค่าอุปกรณ์ Microwave Radio ราคาน้อยกว่า 5000 $us. ต่อ Link สำหรับแบบ Bridging ง่ายๆ และราคา 50000 $us. สำหรับแบบ Ultra-High Bridging
• สายอากาศ สายเคเบิลและสายไฟมีค่าใช้จ่ายโดยประมาน 3000 ถึง 9000 $us. ขึ้นอยู่กับขนาดของสายอากาศ การตั้งค่าของคลื่นวิทยุ ความสูงของตึกและอื่นๆ
• ค่าติดตั้งค่าอุปกรณ์และค่าเชื่อมต่อสายเคเบิลสำหรับชุดวิทยุนั้นอยู่ที 3000 ถึง 8000 $us. เพราะว่าการติดตั้งทั้ง Tower นั้นแพงกว่าการติดตั้งแบบที่อยู่เฉพาะบน Tower
• เรื่องของ Link ที่ได้รับการอนุญาต การจ่ายค่าอนุญาตนั้นเป็นการจ่ายครั้งเดียวและมี่ค่าใช้จ่ายประมาณ1500 ถึง 3000 $us. สำหรับใบอนุญาต 10 ปี
• ค่าบำรุงรายปีนั้น อยู่ที่ 5% ต่อราคาอุปกรณ์ ค่าใช้จ่ายนี้รวมถึงการขอระบบสำรองด้วย
• ราคาค่าสัญญาเช่าเสาอากาศนั้นขึ้นอยู่กับสถานที่ซึ่งราคาเฉลี่ยตกอยู่ที่ 700 $us. ต่อเดือน

Copper vs. Microwave
ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยการใช้ระบบ Microwave มักมองออกได้ง่าย เมื่อเทียบกับราคาของ T1/E1 หรือ DS3 Line การใช้ค่าเฉลี่ยจากราคาของวงจร T1/E1 และ DS3 การได้รับการคืนทุนของ Microwave เป็นระยะเวลาต่อเดือนที่จะจ่ายเป็นค่า Point-to-Point Connection เช่น Backhaul Link
• Microwave payback vs. 4xT1/E1: 4 to 11 months
• Microwave payback vs. 12xT1/E1: 4 to 8 months
• Microwave payback vs. 1xDS3: 3 to 8 months
• Microwave payback vs. 1xOC-3: 3 to 7 months
กราฟข้างล่างแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างระบบ Microwave และ Leased Line โดยการสันนิษฐานจากราคาทั่วไปของราคา Microwave ที่ไม่มีค่าเช่ารายเดือน ส่วนราคาของ DS3 นั้นได้อ้างอิงมาจากค่าเฉลี่ยราคาอยู่ที่ 3675 $us. ต่อเดือน (2008) ราคาของ T1/E1 และ DS3 นั้นขึ้นอยู่กับการเพิ่มปริมาณการใช้งานของ Point-to-Point Connection อย่างน้อยเท่าตัวเหมือนเทียบกับระบบ Access case



ปัจจุบันบริการ Ethernet–Over–Copper เช่น Mid-Band Ethernet ได้มีการเปิดให้บริการการใช้งานข้อมูลถึง 10 Mbps. ในแต่ละทิศทางโดยให้บริการทิศทางระยะทางถึง 1.5 ไมล์ การบริการพวกนี้ไม่สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับระบบ TDM-Based Voice แต่ได้ราคาที่ถูกกว่า T1/E1 และ 10Mbps Ethernet-Over-Copper Link นั้นตกราคาประมาน 950 ถึง 1100 $us. ต่อเดือน (2008) ด้วยราคาที่แพงกว่าแต่ได้รับประกันว่าสามารถให้บริการได้ถึง 99.999% ระยะทางมักจะเป็นข้อจำกัดในการค้าจึ่งทำไห้การบริการแบบนี้เกิดขึ้นมาได้ แต่การบริการนี้สามารถทำได้แค่เฉพาะบางสถานที่เท่านั่น ระยะเวลาคืนทุนของ Microwave ใช้เวลาประมาน 9 เดือน สำหรับ 10 Mbps. Access Connection เมือเทียบกับ 4xT1 (6Mbps.) ระยะเวลานั้นจะมากขึ้น ขึ้นอยู่กับปริณานที่ใช้งานในการรับส่งข้อมูล

Fiber vs. Microwave
การใช้งานเครือข่ายใยแก้วนำแสง (Fiber) เหมือนกับสายทองแดง (Copper) แต่ว่าแตกต่างในเรื่องของปริมาณการใช้งานที่มากกว่าใน Leased Line Service เช่น OC-3 สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีทำให้คนใช้บริการวงจรเช่าน้อยลงถ้าเทียบเรื่องราคาในการจะเป็นเจ้าของ Fiber Link ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ขึ้นอยู่กับระยะห่างของ Link และความหนาแน่นของประชากรที่ต้องการใช้งาน เงินที่ต้องจ่ายมากที่สุดในการเป็นเจ้าของ Fiber คือค่าขุดร่องเพื่อที่จะวางแนว Fiber Optic ลงไปในนั้นและแน่นอนว่าราคาใช้จ่ายขึ้นอยู่กับระยะทาง ร่องพวกนี้อาจจะไม่สามารถขุดได้ขึ้นอยู่กับสถานที่และค่าใช้จ่ายอีกอย่างที่ต้องจ่าย จะมีค่าขออนุญาตในการขุดร่องและค่าอุปกรณ์ ราคาค่าติดตั้งที่แพงและราคา Fiber Optic นั้นจะแพงกว่า Microwave อย่างมาก บริษัทจึงอยากนำเสนอระบบ IP Microwave แบบ Backhaul System

ข้อดีของผลิตภัณฑ์ EXALT IP Microwave
Products: CarrierTDD™
Guaranteed throughput
จะเป็นพื้นฐานในการปฎิบัติการแบบ Carrier-Class การที่ผลิตภัณฑ์ไม่มีสิ่งนี้ ใครก็ตามที่จะใช้ Network จะไม่สามารถบริการลูกค้าได้ ระบบวิทยุของ Exalt TDD ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยการรับประกันเรื่อง Throughput (Link Availability) ทั้งในเรื่องเวลาและระยะทางรับประกันมาเป็นรูปแบบของเปอร์เซนต์ที่จะสามารถ Guaranteed ได้ที่ 99.999% ในขณะที่ WiFi หรือ OFDM ไม่สามารถทำได้ โดยมีการคำนวณอย่างเหมาะสมในการออกแบบ Link Calculation และ RF. Loss การยกระดับชั้นได้มองถึงจุดยืนของ TDD เกี่ยวกับความแตกต่างอย่างตายตัวเมือเปรียบเทียบกับ TDD radios. สิ่งหล่านีถูกวางรากฐานใน Wi-Fi หรือ OFDM Technologies ที่ถูกออกแบบมาสนับสนุนไห้เกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด



Low, constant latency
การใช้งาน IP Applications เช่น VoIP และ Video จะต้องคำนึงถึงเรื่อง Latency ที่ต้องใช้การดำเนินการของ Budget จาก Latency ในการรักษาคุณภาพของการบริการการใช้งาน Application อื่นๆ เช่น บริการ TDM-Based Voice โครงสร้างพื้นฐานสำหรับสาธารณูปโภคและการ Broadcast สัญญาณวิทยุแบบพร้อมๆ กันเพื่อไห้สาธารณชนมีความปลอดภัย ซึ่งขึ้นอยู่กับค่า Latency ที่ต่ำและนิ่งอย่างต่อเนื่องเพื่อไห้เกิดประสิทธิภาพการใช้งานได้อย่างดีที่สุด และการส่งข้อมูลแบบ Native Transport คือทั้งแบบ Native TDM และ Native Ethernet นั้นจะช่วยให้ลด Overhead ของ Frame ได้ลงมาก ซึ่งทำให้ Bandwidth ที่มีอยู่ได้ถูกใช้งานอย่างคุ้มค่ามากที่สุด



เทคโนโลยี Wi-Fi และ OFDM-Based TDD Radio ไม่สามารถให้ค่า Latency ที่ต่ำหรือ Latency ที่ต่อเนื่องกันได้ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์ Exalt IP Microwave จะมีค่า Latency ที่ต่ำและต่อเนื่องกว่าอุปกรณ์ Microwave ทั่วไป



Exalt’s CarrierTDD เป็นผลิตภัณฑ์เดียวในตลาดที่เสนอเกี่ยวกับสมรรถภาพในเรื่อง Latency ของ FDD Radio Systems ด้วยประสิทธิภาพสเปกตรัมและความสะดวกกับการเปลี่ยนเป็น TDD ซึ่งเมื่อมีคนใช้งานอยู่นั้นต้องการค่า Latency ที่ตรงตามความต้องการกับลูกค้า ค่า Latency นั้นจะได้รับการรับประกันและไม่สนใจว่าจะมีการใช้งานมากน้อยเพียงใดหรือขนาด packet size เท่าไหร่

Monitored Hot Standby
ระบบป้องกันอุปกรณ์แบบ 1+1 ซึ่งมีการเฝ้าระวังตลอดเวลา เหมาะกับการใช้งานสำหรับผู้ให้บริการและองค์กรต่างๆ ที่ต้องการระบบสำรองบนระบบและอุปกรณ์เพื่อป้องกันความเป็นไปได้ของการหยุดชะงักในการให้บริการระบบ และการใช้งานระบบ 1+1 หรือการกำหนดค่าอื่นๆ ของ MHS. ส่วนใหญ่ของใบอนุญาตจะเป็นระบบวิทยุแบบ FDD และผลิตภัณฑ์ Exalt เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวที่ใช้ TDD Microwave Radio ในตลาดและสนับสนุนในการผสมผสานของระบบ 1+1 MHS ออฟชั่นที่มีในผลิตภัณฑ์ Exalt รุ่น EX-2.4i-16 และ EX-5i-16 นั้น ต้องสามารถบริการทั้งหน่วยงานต่างๆ และผู้ให้บริการเอง เพื่อที่จะให้มั่นใจเรื่องการรับประกันระบบ TDD ในเวลา Uptime ที่ให้บริการด้วยการติดตั้งที่ยืดหยุ่นและง่ายมากขึ้น

Products: Interference Management
ปัจจุบันสัญญาณรบกวนมีผลมากต่อระบบสื่อสารแบบวิทยุ ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารความถี่ที่ได้รับใบอนุญาตหรือความถี่ได้รับการยกเว้น อีกทั้งในเรื่องของเทคนิคการติดตั้งเสาอากาศ เช่น การเลือกตำแหน่งในการติดตั้งหรือตำแหน่งที่จะช่วยลดสัญญาณรบกวน ผลิตภัณฑ์ของ Exalt มีหลากหลายคุณสมบัติและความสามารถเพื่อที่จะช่วยลดโอกาสในการเกิดสัญญาณรบกวนอื่นๆ โดยเชื่อถือได้ว่าเป็นเส้นทางของระบบไมโครเวฟที่ดี

High interference rejection (all Exalt radios)
การปฏิเสธสิ่งรบกวนหรือแทรกแซงเรียกได้ว่าเป็น Carrier-to-Interference ratio (C/I) เป็นตัวชี้วัดเรื่องของความแรงสัญญาณและความแรงของสัญญาณรบกวนในการรับสัญญาณก่อนที่จะขึ้น Error ว่าค่าใกล้เคียงเท่าใด ค่า C/I ที่มีค่าอัตราส่วนน้อยก็ยิ่งดีเพราะนั่นหมายความว่าคลื่นรบกวนสามารถเข้าใกล้ตัวรับสัณญาณได้โดยไม่ทำไห้เกิดปัญหา
ผลิตภัณฑ์ Exalt แบบที่ได้รับการยกเว้นใบอนุญาต ยกเว้นคลื่นวิทยุนั้นมีคุณลักษณะแบบ C/I อัตราส่วนมีค่าน้อยกว่า 15-30 dB ของคลื่นวิทยุที่ปัจจุบันหลายๆ ผลิตภัณฑ์กำลังแข่งขันเรื่องวิทยุ นั่นหมายถึง Exalt จะเป็น 10x ถึง 1000x เพื่อที่จะกันสัญญาณรบกวนได้มากขึ้น



Built-in spectrum analyzer (included with all license-exempt radios)
แม้ว่าเครื่องวิเคราะห์ Spectrum Analyzer จะไม่สามารถกำจัดหรือลดสัญญาณรบกวนที่เกิดขึ้นได้ แต่สามารถตรวจสอบสัญญาณและบอกได้ว่ามี Spectrum ความถี่ใด ที่ไหนบ้างและทำให้งานติดตั้งทำได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลายๆ องค์กรจะมีเครื่องวิเคราะห์ Spectrum Analyzer แต่ในความเป็นจริงเครื่องมือตัวนี้ไม่ค่อยจะมีหรือสามารถยืมเช่านำไปใช้งานได้ตลอดเวลา ด้วยการที่อุปกรณ์ Exalt มีเครื่องวิเคราะห์ Spectrum Analyzer ติดตั้งมาพร้อมในชุดอุปกรณ์วิทยุ โดยสามารถครวจสอบความถี่ (MHz) ความแรงของสัญญาณ (dBm) ตาม Channel Bandwidth ที่ Setup เพื่อตรวจสอบบริเวณพืนที่ติดตั้งว่ามีความถี่อื่นๆ หรือไม่ จะช่วยให้การติดตั้งทำได้รวดเร็วขึ้นมาก



Selectable channel bandwidth
จากการที่มีเครื่อง Spectrum Analyzer มากับอุปกรณ์เพื่อใช้ในการแสดงลักษณะพิเศษของ Spectrum ตัวอื่นที่มีอยู่สำหรับใบอนุญาตที่ได้รับการยกเว้นแล้ว Exalt ยังทำให้ง่ายสำหรับการเลือกช่องความถี่ที่ตรงกับความต้องการการใช้งานมากที่สุด ทั้งความสามารถและข้อจำกัดในการบริการ เช่น
• การเลือก Channel ที่แคบในกรณีที่สภาพแวดล้อมที่ดีต่อสัญญาณความถี่ RF ที่ช่วยลดโอกาสในการพบปัญหาสัญญาณรบกวนหรือคลื่นรบกวนหรือเส้นทางที่ดีสำรหับการสื่อสารข้อมูล
• การเลือก Channel ที่กว้างเท่าที่ Spectrum สามารถทำได้เพื่อช่วยในเรื่องของ Throughput ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การทำงานของระบบวิทยุส่วนมากจะไม่สามารถปรับความยืดหยุ่น แต่ส่วนมากจะถูกกำหนดให้ตายตัวกับ Channel Bandwidths

1 MHz tuning resolution
ผลิตภัณฑ์ของ Exalt สามารถปรับจูนความถี่ได้ที่ 1 MHz ซึ่งมีย่านเปิดให้มากกว่า 10-100 คลื่นความถี่ ในขณะที่ Product อื่นๆ มักจะจำกัดในการค้นหา Channel ความถี่วิทยุ แต่ Exalt ช่วยให้พนักงานควบคุมวิทยุได้ปรับจูนคลื่นความถี่ได้ละเอียด ดังนั้นจึงสามารถหา Channel ที่ไม่มีคนอื่นใช้ซึ่งถูกเรียกว่า “Clean Channel”



Products: Native TDM & Native Ethernet
Exalt Radio System สามารถส่งข้อมูลในรูปแบบ Native TDM และ Native Ethernet ได้

Native TDM
ทำไมการส่ง TDM Traffic แบบ Native นั้นสำคัญ? เพราะว่าการส่ง TDM Traffic อีกรูปแบบจะส่งผลลบต่อระบบและการทำงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นการรวม Packet ระหว่าง TDM Traffic และส่งผ่านไปยัง Ethernet จึงทำให้มี Overhead ในการส่งมาก ส่งผลให้ Throughput ที่มีอยู่นำไปใช้ในเรื่องของ Overhead ในการส่งมาก จะใช้งาน Traffic Bandwidth อย่างไม่คุ้มค่า
ในการที่จะส่ง TDM Traffic ผ่าน Ethernet นั้น Traffic ต้องผ่านการแปลง TDD ให้เป็น IP Protocol เพื่อที่จะสามารถสื่อสารกันได้ แต่การสื่อสารมักจะทให้มีปัญหาสองอย่าง คือ
• เกิดการ Delay หรือ Latency ที่มีค่ามากกว่า 50 ms.
• เป็นการเพิ่ม Overhead สูงตั้งแต่ 50-200% มากกว่าที่จะส่งข้อมูลแบบธรรมดา
เนื่องจาก TDM Traffic จะมี Latency ที่ Sensitive มาก ดังนั้นเรื่องของ Delay Time ที่ความเสี่ยงนี้เชื่อมโยงกับการสื่อสารที่เพิ่มเข้ามาโดยเฉพราะในการเชื่อมต่อแบบ Multi-Hop ที่ค่า Delay เป็นสิ่งสำคัญมากรวมถึงระยะการทำงานที่ดีที่สุดของระบบ ส่วนปัญหากี่ยวกับ Overhead นั่นมีแค่หนึ่งอย่างเท่านั้น คือผู้ที่ออกแบบระบบ Channel Bandwidth เพื่อที่จะให้ทำงานควบคู่ไปกับ Overhead. การใช้ Bandwidth มากขึ้นในการส่ง Data Traffic เท่าเดิมนั้นจะช่วยให้เกิดผลประโยชน์อย่างมาก ในผลิตภัณฑ์ Exalt แบบ Native TDM เรื่อง Channel Bandwidth จะช่วยส่ง Traffic การใช้งานจริง โดยช่วยตัด Overhead ลง สุดท้ายหลังจากการรวมของ TDM traffic กับ IP traffic ให้เป็น IP stream เดียวกันแล้ว TDM traffic ตอนนี้เป็น Variable latency ซึ่งจะเกี่ยวข้องแค่กับ Ethernet traffic เหมือนกับว่า TDM traffic ต้องพึ่ง latency ที่ต่ำเพื่อที่จะให้การส่งข้อมูลนั้นมีผลสำเร็จดีที่สุดนอกจากนี้ยังพึ่ง Latency ที่คงที่อีกด้วย

Native Ethernet
ทำไมถึงให้ความสำคัญในการส่งข้อมูลแบบ Native Ethernet traffic? คือเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการทำงานที่สูงที่สุดในการส่ง IP ไปในยัง Radio link ซึ่งแตกต่างจาก TDM traffic โดย Ethernet traffic เป็น Package switch และสามารถมีผลกับทุก traffic ใน network รวมถึงการใช้งาน Internet ด้วยและ Ethernet latency มาในหลายรูปแบบเพราะว่าการใช้งานจะถูกแชร์เลยจำเป็นที่ต้องใช้เทคนิค เช่น QoS. เพื่อที่จะให้อุปกรณ์ทำงานได้ สำหรับเรื่อง Latency ที่ sensitive มากๆ ได้แก่ Traffic เฉพาะ VoIP และ Video over IP เป็นต้น

Products: Throughput Symmetry Control
Application ต่างๆ เช่น Video surveillance, Storage Area Networking (SAN) และ Studio to Transmitter (STL) broadcasting ลักษณะการใช้งาน Application ดังกล่าวจะเป็นแบบ Asymmetric โดยมีเอกลักษณ์การใช้งานที่ไม่เหมือนกับ Data traffic Application ประเภทอื่นๆ โดบอุปกรณ์ Exalt TDD Radio system จะสามารถปรับแต่ง Rate Limit ทั้งขาไปและขากลับเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการการใช้งาน Traffic ที่ไม่เหมือนกันได้ เช่น ต้องการ Downstream ที่ 80% และ Upstream ที่ 20% ของ Bandwidth เป็นต้น



การทดลองระยะการใช้งานแบบ Symmetry ผู้ใช้สามารถตั้งค่า Exalt TDD Radio ให้กับ Asymmetric traffic สนับสนุนแค่ 65/35 กับ 80/20 อัตราส่วนที่ทุกๆ ทิศทางสำหรับ Link ด้วยความสามารถนี้ Channel ที่ใช้ Traffic เต็มแล้วสามารถปรับให้รองรับเฉพาะยอดรวมของปริมาณ Traffic เพื่อไม่ไห้เกิดการเสียเปล่าในขณะเดียวกันเพื่อความแน่ใจในความเร็วของระยะเวลาการทำงานในแบบทิศทางเดียว นอกจากการให้บริการแบบ Symmetry control แล้วนั้น Exalt radio system ยังสามารถกำหนดค่าของ Link Availability ได้ถึง 99.999%

Products: ExaltSync
นักออกแบบระบบเครือข่ายส่วนมากมักจะเจอ Requirement ที่ระบบต้องทำงานรวมระบบ Radio หลายๆ ระบบใน site เดียว สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เห็นได้บ่อยครั้งเช่นเหตุการณ์ที่สถานที่ตั้ง “Hub” นั้นจะเป็นสถานที่ทำงานที่เป็นจุดสิ้นสุดของเส้นทางทั้งหลายของระบบ Microwave Application เช่น Mobile Backhaul, IP backhaul และ video surveillance เป็นต้น

ExaltSync™ ได้ทำการรวมของเทคโนโลยีที่สามารถทำการจัดวางติดตั้งที่มีจำนวนอุปกรณ์ความหนาแน่นสูงของระบบ Exalt TDD radio system โดยคำนึงถึงการติดตั้งชุดวิทยุและเสาอากาศได้ใกล้เคียงกันโดยไม่มีคลื่นรบกวนและไม่ส่งผลกระทบต่อระบบอื่น การที่จะแน่ใจแล้วว่าการติดตั้งร่วมกันของทุกๆ Radio และแชร์สัณญาณเดียวกันแล้ว ExaltSync™ จะช่วยลดการใช้เสาอากาศและอุปกรณ์ลงจึงทำให้ลดความซับซ้อนลง นอกจากนี้ยังมั่นใจว่า 8:1 channel สามารถนำไปใช้ได้ใหม่ ในการทำดังกล่าว คนออกแบบระบบต้องใช้ประโยชน์จาก carrierTDD เช่น Asymmetric transmission ในขณะที่ยังคงตอบสนองต่อความต้องการที่จะต้องติดตั้งใน Hub ที่มีจำนวนหนาแน่นได้ดี



Products: Software Configurability
ระบบ Exalt มี Software ที่สามารถรองรับการจัดการ Configurations ต่างๆ ได้และเป็นประโยชน์ คือ
• Unprecedented control สามารถให้ระบบช่วยกำหนดและเลือกค่าต่างๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งานได้
• Pay as you grow capability ผู้ใช้สามารถเพิ่มหรือเปิด Interface และ Capacity โดยไม่ต้องเปลี่ยน Hardware คือ ทำได้โดยผ่านทาง Software License Keys.
• Simplified sparing and operations ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ ไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ใหม่ ช่วยให้ประหยัดและช่วยให้จัดการเรื่อง Inventory ได้ง่าย
Control การจัดการกับอุปกรณ์ ครอบคลุมหลายๆ ฟังก์ชั่น เช่น:
• Transmit Power
• Channel Bandwidth
• Frequency Band
• Modulation (Mode)
• TDD Parameters
• Throughput Ratio (Degree of symmetry)
• VLANs
• In-band or Out-of-band Management
• SNMP v1,2c and v3
• Link Security Key
• TDM & IP Interfaces

Products: Data Networking
Exalt radio systems ถูกออกแบบให้สามารถทำงานร่วมกันได้ง่ายและสามารถทำงานร่วมกับระบบหรืออุปกรณ์ที่มีอยู่แล้วใน Data Networks ได้ง่าย

VLAN Support
อุปกรณ์ทุกรุ่นสนับสนุนมาตรฐาน IEEE802.1Q (VLAN Tagging) Protocol สามารถรองรับการทำงานต่างๆ ได้ดังนี้
• VLAN Transparency.
• VLAN Awareness.
• VLAN Tagging.

QoS Support
Exalt Gigabit Ethernet radio system จะรองรับมาตรฐาน 802.1p (QoS) ซึ่งสามารถกำหนดการส่ง Packet ผ่านระบบวิทยุได้ด้วยการกำหนดลำดับความสำคัญของ packet และอุปกรณ์ยังรองรับการจัดลำดับความสำคัญของ packet ได้ 8 queue และ 4 queue ที่เป็นแบบ Unique priority queue รวมถึงค่า Latency ที่ต่ำ เหมาะกับการให้บิการ Application ประเภท Voice, Video และ Traffic ประเภทอื่นๆ

Layer 2 Switching
Exalt radio ทั้งหมดเป็น Build-in L2 switch. ลักษณะนี้ได้ถูกรวมกับ Interface ประเภท Fast Ethernet และ Gigabit Ethernet port ซึ่งช่วยให้ผู้ให้บริการไม่ต้องใช้อุปกรณ์ Switch L2 เพื่อมาเชื่อมต่ออุปกรณ์ ทำให้ลดต้นทุนได้อีกมาก

Products: Security
อุปกรณ์ทุกรุ่นสามารถจัดการเรื่องระบบความปลอดภัยของข้อมูลที่สูงที่สุดที่อุปกรณ์มีอยู่ในตลาดขณะนี้

Advanced Encryption Standard (AES)
อุปกรณ์ Exalt สนับสนุนการเข้ารหัสข้อมูลทั้งแบบ 128bit และ 256bit AES encryption และยังดำเนินการกับอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการประกันความปลอดภัยของข้อมูล จึงสามารถลดภัยการโจรกรรมข้อมูลลงได้ด้วยการเข้ารหัสแบบ AES 256bit ซึ่งดำเนินการตามมาตรฐาน FIPS-197. จะต่างกับคู่แข่งรายอื่นๆ เนื่องจาก Exalt Radio system ได้ใช้ Hardware-Base encryption เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการของการเข้ารหัสข้อมูลจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้หรือเป็นการเพิ่ม Latency และโดยทั่วไปที่ใช้ Software-Base encryption จะส่งผลให้ Throughput ลดลงถึง 50% นอกจากการเข้ารหัสแบบ AES อุปกรณ์ Exalt ยังมีการเข้ารหัสแบบ 96bit ซึ่งเป็นมาตรฐานทั่วไปของอุปกรณ์วิทยุ

SNMP
อุปกรณ์ Exalt รองรับโปรโตคอล SNMPv3 ดังนั้นเพื่อความมั่นใจในการป้องกันระบบ Network Monitoring และการ Management traffic โดยมีระบบตรวจสอบสิทธิ์เรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้และการเข้ารหัสข้อความ ส่วนสินค้าคู่แข่งทั้งหลายจะสนับสนุนแค่ SNMP v1 หรือ v2c ซึ่งโปรโตคอลทั้งสองแบบจะมีประเด็นในเรื่องของระบบความปลอดภัย

System Access Security
การเข้าถึงอุปกรณ์จะมีมาตรฐานอยู่ 2 ระดับ และมีการบันทึกเก็บ Log ในระบบทุกครั้งที่มีการ Access ซึ่งผู้ใช้ที่เป็น Administrator จะสามารถควบคุมและจัดการ Configure ได้ทั้งหมดบนชุดอุปกรณ์ ส่วนผู้ใช้ทั่วไปจะอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลบางอย่างของระบบเท่านั้น

Products: Managing Exalt Radios
การจัดการอุปกรณ์วิทยุถูกออกแบบให้สามารถมีการจัดการอย่างง่าย โดยสามารถใช้งานผ่าน NMS หรือ EMS และสามารถใช้งานโดยตรงคือผ่านทาง Local Craft Terminal หรือจากการ Remote ได้ง่าย

Managing via NMS/EMS
อุปกรณ์ Exalt Radio ได้มี MIBs มาให้พร้อมเพื่อใช้ในการ Remote Management โดยใช้โปรโตคอล SNMP ผ่านมายังระบบ Network Management System (NMS) หรือ Element Management System (EMS) ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้โปรโตคอลได้ เช่น SNMPv1, v2c, v3 หรือหลายๆ ตัวรวมกัน และยังใช้ SNMP Management Program อื่นๆ ก็สามารถรองรับได้ ผู้ใช้ยังสามารถกำหนด SNMP Traps เพื่อส่งข้อมูลแจ้งเตือนหรือเหตุการณ์มายังระบบที่มีอยู่ได้

Remote and Craft Management
อุปกรณ์ Exalt Radio ยังมี Web Server ที่ฝังอยู่ในอุปกรณ์ซึ่งสามารถจะจัดการผ่านโดยการ Remote จากภายในระบบเครือข่ายหรือภายนอกระบบเครือข่าย ซึ่งใช้งานได้ง่ายที่สุด โดยใช้งานผ่านโปรโตคอล HTTP เป็นแบบ GUI ซึ่งสามารถบริหารจัดการพารามิเตอร์ต่างๆ ของวิทยุได้ทั้งหมด และผู้ใช้งานยังสามารถจัดการอุปกรณ์ผ่านทาง Command Line Interface (CLI) ซึ่งเป็น Interface แบบ RS-232 ต่อเป็น Serial Cable หรือ Console Port กับชุดวิทยุได้และสามารถใช้โปรโตคอล Telnet ในการจัดการพารามิเตอร์ต่างๆ ได้อีกเช่นกัน

In-band and Out-of-band Management
อุปกรณ์จะรองรับการจัดการแบบ In-Band และ Out of Band ซึ่งให้ความสะดวกและความยืดหยุ่นที่ต่างกัน
• In-Band เป็นการจัดการที่ง่ายและสะดวกในการจัดการจากระยะไกล เช่น การ Remote ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่สถานที่ติดตั้ง ไม่มีปัจจัยอะไรมาก วิธีนี้ทำให้ผู้ใช้งานที่ต้องการจัดการอุปกรณ์จะต้องเชื่อมต่อระบบเครือข่ายเอง ไม่จำเป็นต้องมีระบบเครือข่าย LAN และ Bandwidth ในการใช้งานของชุดวิทยุจะไม่ถูกนำมาใช้ในการจัดการระบบในครั้งนี้ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าผู้ใช้บริการจะได้รับการจัดสรร Throughput สูงสุด
• Out of Band จะอนุญาตให้ผู้ใช้จัดการชุดวิทยุผ่านระบบเครือข่ายภายใน วิธีนี้อุปรณ์ Endpoint สามารถจัดการบริหารอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงระบบเครือข่ายภายนอกและจะสะดวกในการแก้ไขปัญหา โดยการแยก Physically บนชุดวิทยุเพื่อให้สำหรับ Traffic ในการใช้งานทั่วไปออกจากการจัดการได้ หรืออาจจะแบ่ง VLANs สำหรับการจัดการบริหารโดยเฉพาะ

Applications: Cellular Backhaul
การนำอุปกรณ์ Exalt Radio ไปใช้งานกับระบบ Cellular, Mobile และ Backhaul จะช่วยให้การสื่อสารประเภท Voice และ Data จากระบบ Access Network (Cell Sites) ไปยัง Core Network ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการใช้งานแบบ Backhaul คือส่วนประกอบหลักสำหรับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น 2G, 3G หรือ 4G (LTE) การให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือผ่านระบบ Transmission ไม่ว่าจะเป็น Microwave, Fiber, Copper, Satellite โดยระยะทางของ Backhaul Link นั้นสั้นคือประมาณน้อยกว่า 1 km. ในกรณีของ Cell Site ที่ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์ Mobile Switching (MSC) ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น Gateway เพื่อเชื่อมต่อไปยัง Core Network ซึ่งมีระยะทางมากกว่า 100 km. ในกรณีที่ Cell Site ที่ตั้งอยู่ในชนบทหรือพื้นที่ห่างไกล จากในอดีตมีความต้องการใช้งานความเร็วที่ต่ำกว่า 10 Mbps. ต่อ Cell Site และมีตัวเลือกใช้งานที่จะให้ได้ต้นทุนต่ำ ในขณะนั้นระบบ Microwave Backhaul ก็มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในยุโรป ซึ่งโทโปโลยีต่างๆ ก็ทำให้ Copper และ Fiber ยากในการปรับใช้บริการ ในอเมริกาเหนือก็เป็นที่หนึ่งที่ใช้บริการความเร็วไม่สูงมากนัก แต่เนื่องด้วยค่าลงทุนที่ตำของวงจรเช่าจึงเป็นที่นิยมใช้บริการ ตั้งแต่นั้นมาพื้นฐานของระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว เช่น การพัฒนามาเป็นระบบเครือข่าย 3G HSPA และ EV-DO และการใช้บริการข้อมูล Broadband on Mobile แม้ก่อนที่จะนำไปสู่การใช้งานระบบ LTE ผู้ให้บริการมือถือก็ยังมีข้อโต้แย้งในเรื่อง Backhaul คือ
• การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมากมายของ Cell Site โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่า และในอีกไม่กี่ปีถัดไปจะทำให้ระบบเครือข่ายเกิดคอขวด
• สำหรับผู้ใช้งานบริการวงจรเช่าก็มีเพิ่มขึ้น โดยลักษณะการใช้งานแบบ Backhaul ซึ่งเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมามาก
• ส่วนใหญ่การใช้ Backhaul Link ทั้งหมดบนพื้นฐานของ TDM-Based จะต้องมีการโยกย้ายจากระบบเดิมมาเป็น IP Ethernet ซึ่งจะต้องใช้เวลามากและยากที่จะหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

Applications: IP Backhaul
ทศวรรษที่ผ่านมาได้เห็นการเปิดตัวการใช้งานโทรศัพท์มือถือไร้สายโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการให้บริการ IP ให้กับผู้บริโภคและธุรกิจ ซึ่งผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (WISPs) มีทุน และพร้อมเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้จะประสบความสำเร็จแข่งขันกับระบบการให้บริการแบบมีสายเดิมและ ISPs แต่เรื่องราคาในการแข่งขันยังสูง โดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายต้องปรับลดค่าใช้จ่ายของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้อยู่ได้ทั้งการแข่งขันและผลกำไร กรณีสำหรับผู้ให้บริการทั้งหมดที่เป็น WISPs จะต้องเชื่อมโยงเครือข่าย Backhaul ที่รองรับการใช้งานของผู้บริโภคและลูกค้าในธุรกิจไปยังจุดเครือข่ายหลักสถานะ (POP) ในขณะที่มีปัญหาที่จะต้องลดค่าใช้จ่าย ในขณะเวลาเดียวกันจะต้องมั่นใจในคุณภาพการให้บริการที่จำเป็นเพื่อลดการยกเลิกบริการ บ่อยครั้งที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายจะต้องขับเคี่ยวกับระบบ WAN และโครงสร้างพื้นฐานของระบบอนาล็อกหรือ synchronous TDM ในหลายกรณีนี้ระบบ Backhaul TDM การให้บริการโดยสายเช่ามีมากและสามารถขยายได้ไม่ดี ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (WISPs) จะต้องยกระดับการให้บริการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด หมายถึงสามารถส่งข้อมูลแบบ Ethernet ไปยังเครือข่ายหลัก ความสามารถในการส่ง Traffic ประเภท IP / Ethernet natively บนระบบวิทยุไมโครเวฟ ซึ่งพิจารณาทางเลือกกับวงจรเช่าที่ไม่มีเพียงพอ แต่คุ้มค่าและยังมีความยืดหยุ่นมาก จำเป็นต่อธุรกิจของพวกเขาและความสามารถในการลดค่าใช้จ่ายต้นทุน ซึ่งระบบไมโครเวฟที่มีประสิทธิภาพเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองการคืนทุนและเป้าหมาย ROI



อุปกรณ์ Exalt แบบ Point to Point Microwave เช่น รุ่น ExtendAir เหมาะกับการใช้งานสำหรับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย ซึ่งมีความยืดหยุ่นและส่งผลให้บริการที่ดีขึ้นและผลกำไรที่มากขึ้น โดยระบบ Exalt ที่นำเสนอ คือ
• ให้ Capacity ตั้งแต่ 25 Mbps. จนถึง 1 Gbps.เหมาะสำหรับการให้บริการตั้งแต่สถานที่ของลูกค้าจนถึงระดับเครือข่ายหลัก
• รับประกัน Throughput ที่ 99.999% ภายใต้การใช้งานแบบ Native Ethernet ในทุกๆ ย่านความถี่
• สามารถจัดทำ VLAN, QoS และจัดการเรื่อง Rate Limiting ซึ่งเหมาะสมกับการให้บริการแบบ SLAs และ Classes of Service
• ชุดวิทยุในระบบทั้งหมดจะมีค่า Latency ที่ต่ำถึง –1 ms. ซึ่งเหมาะกับการใช้งานประเภท Video และ VoIP เป็นอย่างมาก
• มีเทคโนโลยี ExaltSync™ ซึ่งจะยอมให้ความถี่หลายย่าน เช่น 2.4 หรือ 5 GHz. สามารถใช้ช่องทางเดียวกันและง่ายต่อการจัดการและติดตั้ง
• ช่วยลดค่าใช้จ่ายโดยเป็นแบบ Single Unit Sparing ทั้งแบบ Licensed และ License-exempt bands.

Applications: Fiber Extension
การใช้งาน Fiber ในอดีตจะถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในระบบเครือข่าย Core และ Metro Network รวมทั้งส่วนของผู้ประกอบการระบบเครือข่ายร้อยสายใต้ดินทั้งระบบเครือข่ายไร้สายและแบบใช้สายทั่วโลกสามารถให้ Capacity ในระดับที่สูงสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมและรองรับการเจริญเติบโตอย่างมากของอินเทอร์เน็ตกว่าทศวรรษที่ผ่านมา
Exalt IP Microwave Radio Point to Point จะเหมาะกับสถานการณ์ต่อไปนี้ คือ
• การขยายเครือข่ายของระบบ TDM และ Ethernet จากโครงข่ายไฟเบอร์จุดศูนย์กลาง เช่น Central Office ไปยังอาคารสำนักงานต่างๆ หรือสำนักงานสาขาต่างๆ ตามภูมิภาค



• การกระจายการให้บริการระบบเครือข่าย TDM และ Ethernet จากอาคารหลักไปยังอาคารต่างๆ หรือภายในมหาวิทยาลัย



Applications: Campus Connectivity
การให้บริการสำหรับพนักงานและลูกค้าขององค์กรสถาบันการศึกษาและองค์กรสุขภาพ จะขึ้นอยู่กับองค์กรที่ใช้บริการประเภทเสียง วิดีโอและข้อมูลที่สามารถรองรับการทำงานในแต่ละ Applicationsได้ กิจกรรมเช่น การเข้าถึงศูนย์ข้อมูลการวิจัยร่วมกัน, ถ่ายภาพความละเอียดสูงและศูนย์การเรียนรู้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับความพร้อมของการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายความเร็วสูงที่เชื่อถือได้ที่สามารถรองรับช่วงของบริการข้อมูลมากและค่า Latency ต่ำ

Applications: Video Surveillance
การใช้งานวิดีโอดิจิตอลปัจจุบันได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเฝ้าระวังระยะไกล เทคโนโลยีไร้สายได้เปิดการใช้งานเฝ้าระวังวิดีโอที่จะใช้งานในพื้นที่กว้างโดยไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อทางกายภาพ เทศบาลองค์กรความปลอดภัยของประชาชนและหน่วยงานขนส่งวางใจมากในการใช้งานการตรวจสอบวิดีโอแบบเรียลไทม์สำหรับการรักษาความปลอดภัย การจัดการจราจรและการดำเนินงานฉุกเฉิน ระบบเครือข่ายวิดีโอเฝ้าระวังสามารถรองรับการใช้งานช่วงหลายร้อยตารางไมล์และใช้ Video cameras จึงจำเป็นที่ต้องใช้เครือข่ายไร้สายที่สนับสนุนการทำงานและเชื่อมต่อระบบเครือข่ายให้กล้องเหล่านี้ ซึ่งต้องใช้งานเครือข่าย Backhaul โดยเฉพาะ ที่มี Capacity ที่เพียงพอและค่า Latency ต่ำสุดเพื่อดำเนินการให้บริการ Video Surveillance Center รวมถึงการ Monitor เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งความต้องการของระบบ คือ ความจุความสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว, กล้องคุณภาพสูงใช้ Traffic Throughput ตั้งแต่ 0.5-3 Mbps, การเข้าชมขึ้นอยู่กับความละเอียดของภาพและอัตราเฟรม, ชนิดการบีบอัดวิดีโอ, จำนวนครั้งในการตรวจสอบและบันทึกชั่วโมง, กล้องทำงานอย่างต่อเนื่องหรือเหตุการณ์ที่ขับเคลื่อนความสามารถ Backhaul ต้องสามารถส่ง Traffic จาก 10 สถานที่ 5 กล้อง แต่ละศูนย์ควบคุมการตรวจสอบอาจจะใช้ Traffic มากถึง 150 Mbps การใช้งาน Traffic อาจเป็นแบบทิศทางเดียว



ระบบวิทยุไมโครเวฟของ Exalt รวมถึงรุ่น ExtendAir ซึ่งมีคุณสมบัติหลากหลายรูปแบบและมีความสามารถในการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในส่วนของ Backhaul สามารถนำมาใช้งานเพื่อเป็นระบบเครือข่ายให้ Video Surveillance ได้ทุกประเภท
• อุปกรณ์ที่พร้อมจะทำงานได้ทุกฟังก์ชั่นสำหรับความถี่ 4.9 GHz โดยมีอุปกรณ์ทั้ง Indoor และ Outdoor ซึ่งจะให้ Capacity ที่สูงที่สุด
• อุปกรณ์ Outdoor ของ Exalt ทุกรุ่นจะมี Interface Ethernet ports ที่สามารถเชื่อมต่อไปยัง IP Cameras ได้
• ระบบวิทยุทุกย่านความถี่จะรับประกันเรื่อง Link Availability ที่ 99.999% และมั่นใจได้ว่าระบบการส่งข้อมูลจะทำงานได้ดีที่สุด
• ระบบสามารถ Aggregate Capacities ตั้งแต่ 25 Mbps. ถึง 1 Gbps. โดยสามารถปรับขยาย Bandwidth ได้ในตัว
• ระบบพร้อมรองรับการใช้งานแบบ Asymmetric Throughput เช่น 80:20 คือ การใช้งาน Upload และ Download ไม่เท่ากันซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถปรับจูนได้เอง
• มีเทคโนโลยี ExaltSync™ ที่จะช่วยให้หลายๆ ย่านความถี่ เช่น 2.4, 4,9 หรือ 5 GHz จะสามารถใช้ช่องสื่อสารช่องเดียวกันได้และง่ายต่อการติดตั้งอุปกรณ์
• ได้รับมาตรฐานเรื่อง Security คือ FIPS 197 Compliant เรื่องการเข้ารหัสข้อมูลด้วย AES Encryption ซึ่งจะช่วยให้ Traffic Video มีความปลอดภัยสูงสุด

Applications: Disaster Recovery & Network Backup
• ใช้แทนระบบเครือข่ายเดิมขององค์กรหน่วยงาน โรงพยาบาลและสถาบันการศึกษาจะอาศัยโครงข่าย SONET / SDH สำหรับการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่ศูนย์ข้อมูลระยะไกล (Remote Data Center) Off - site R & D
• ใช้เป็นระบบเครือข่ายสำรองของ Fiber หรือ Transmission อื่นๆ เช่น xDSL, Leased Line, Frame Relay, MPLS, DWDM เป็นต้น
• ช่วยเพิ่ม Throughput กับระบบไมโครเวฟเดิมที่มีการใช้งานอยู่ทั้งในแบบ Licensed และ License-exempt bands. และสามารถให้บริการ TDM หรือ IP แบบ Native ได้

Applications: Infrastructure Monitoring and Control
หน่วยงานหรือองค์กรขนส่ง หรือการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญจากสาธารณูปโภคและพลังงานทางรถไฟต้องดำเนินการบริการตามเวลาจริงและความสามารถในการควบคุมตรวจสอบบริการที่มีระดับสูงสุดด้วยความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ได้แก่ การใช้บริการประเภทดังต่อไปนี้
• การกระจายการควบคุมกำกับดูแลและระบบ Data Acquisition (SCADA) เครือข่ายที่ใช้ในการตรวจสอบและควบคุมน้ำและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น น้ำมันและการผลิตก๊าซน้ำมันและท่อก๊าซและไฟฟ้า
• การให้บริการ Remote Video Monitoring และการเฝ้าระวังในเรื่องระบบความปลอดภัยในสถานที่ต่างๆ
• ระบบ force automation and communications
• การตรวจสอบ Circuiting, Interlocking, Axle counting และ Railroad Voice
การรวบรวมข้อมูลและเพิ่มความต้องการการควบคุมความน่าเชื่อถือของศักยภาพและข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานโปรโตคอลสื่อสารที่มีอยู่ ความสามารถองค์กรเพื่อตอบสนองต่อต้นทุนและวัตถุประสงค์การรักษาความปลอดภัย หนึ่งในวิธีการหลักตามที่องค์กรเลือกที่จะเพิ่มขีดความสามารถของพวกเขาคือการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงจากระบบ TDM เป็น IP โปรโตคอลเพื่อช่วยลดต้นทุนและมีผลดีต่อการขยายระบบในอนาคต แน่นอนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเครือข่ายรวมทั้งอุปกรณ์ไมโครเวฟ TDM - Based จากเดิมที่ได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างกันและการสื่อสาร Backhaul และตรวจสอบ Traffic ในขณะที่อุปกรณ์นี้ยังสามารถใช้งานได้อยู่ จะยังคงเป็นเวลาหลายปีที่จะใช้งานมาอุปกรณ์ใหม่ที่จำเป็นในการจัดการทั้งโปรโตคอลใหม่และความต้องการความจุที่เพิ่มขึ้นไปพร้อมกับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา

Reference : www.exaltcom.com & www.baycoms.com
jarupat@baycoms.com

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

WiMAX Solution Technology

802.WiMAX Solutionให้บริการออกแบบ สำรวจ วางแผนการติดตั้งระบบเครือข่ายไร้สายประเภท WiMAX ทั้งแบบ Fix WiMAX (IEEE802.16d หรือ 2004)และ Mobile WiMAX (IEEE802.16e หรือ 2005) โดยครอบคุลมความถี่การใช้งานตั้งแต่ 2.3-2.7 GHz, 3.3-3.4 GHz, 3.4-3.7 GHz, 5.1-5.9 GHz ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่รองรับทั้ง Licensed และ License-Exempt Band และเป็นแบบ Superior Non-line of site (NLOS) ซึ่งช่วยให้สามารถทำงานได้แม้กระทั่งมีสิ่งกีดขวาง เช่น ต้นไม้ หรือ อาคารได้เป็นอย่างดี และรองรับระยะทางกว่า 10 กิโลเมตรในกรณีการใช้งานแบบ Point to Point Link โดยไม่ต้องพึ่งสายอากาศจากภายนอก ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวนี้ ทำให้สามารถนำผลิตภัณฑ์ WiMAX ไปประยุกต์ใช้งานเพื่อลดช่องว่างของเทคโนโลยีในพื้นที่ห่างไกล ที่เทคโนโลยีเข้าไปไม่ถึง ตลอดจนสนองความต้องการการใช้งานบรอดแบนด์ในเมืองที่มีพื้นที่ ที่แออัดได้อย่างสะดวกรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายที่ประหยัดกว่าการติดตั้งเครือข่ายในแบบการวางสายสัญญาณที่ใช้งานกันอยู่เดิมได้เป็นอย่างดี

WiMAX Solution Detail
การใช้งานส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะใช้งานความถี่ที่ 5 GHz. ซึ่งเป็นความถี่ที่ได้รับการยกเว้นใบอนุญาตในการสื่อสาร โดยจะนำไปใช้งานในลักษณะของการเชื่อมระบบเครือข่ายแบบ Point to Point (Backhaul) หรือ Point to Multi-Point ตามมาตรฐานของ IEEE802.16 Family นั้นจะใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสในระดับ Physical Layer สำหรับถ่ายทอด สัญญาณผ่านทางคลื่นวิทยุแบบ Orthogonal Frequency Division Multiplexing (OFDM) ในส่วนของ Physical Layer จะช่วยลดในเรื่องของการส่งข้อมูลในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญาณรบกวน (Multipath Interference) และใช้เทคนิคการ Duplex ในรูปแบบของเวลา (TDD) ซึ่งช่วยแบ่งช่วงเวลาในการรับส่งข้อมูล โดยให้ช่วงเวลาหนึ่งเป็นการรับข้อมูลเพียงอย่างเดียว อีกช่วงเวลาจะเป็นการส่งข้อมูลอย่างเดียวโดยจะใช้ความถี่เดียวกัน
ตารางเปรียบเทียบมาตรฐาน IEEE802.16d vs IEEE802.11n



WiMAX 5GHz. Base Station Radio Solution รองรับกรณี License ที่ได้รับการยกเว้นใบอนุญาตในการสื่อสารที่ความถี่ 5.4 GHz. และ 5.8 GHz. ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานภายในประเทศไทย บนเทคโนโลยี OFDM 256 FFT ซึ่งช่วยลดปัญหาในกรณีที่เกิด Multipath และ Reflection ได้ทั้งแบบ LOS และ NLOS และรองรับการจัดการเรื่อง Quality of Service (QoS) และสามารถ Classification ได้ทั้ง L2, L3 และ L4 รวมทั้งสามารถจัดการรายละเอียดของผู้ใช้งานได้อย่างครอบคุลม



Fix & Mobile WiMAX Solutionในกรณีบางธุรกิจต้องผสมผสานระหว่างการให้บริการทั้งในรูปแบบของ Point to Point และ Mobility สำหรับ End User ซึ่งเป็นการใช้งานที่ลงตัวระหว่างมาตรฐาน IEEE802.16d และ IEEE802.16e โดยผลิตภัณฑ์แบบ Fix WiMAX ได้มาตรฐานมีการรับรองจาก WiMAX Forum Certified ซึ่งมีทั้งอุปกรณ์ประเภท Base Station, Outdoor Unit, Indoor Unit, USB, PC Express Adaptor โดยมีคุณสมบัติดังนี้



วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Wireless Network Solution by BAY Computing Co.,Ltd.

Wireless Network Solution
บริษัทได้ให้ความสำคัญต่อการให้บริการ วางแผน ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายไร้สายที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทั้งในด้านของเทคโนโลยี IEEE 802.11a/b/g/n การติดตั้งและการใช้งานที่ง่ายและสะดวก โดยควบคุมการทำงานได้จากส่วนกลาง อุปกรณ์ Wireless Access Point (Plug & Play) ไม่จำเป็นต้องจัดการเรื่อง Configure จะสามารถรับ Configurations หรือ Policies ต่างๆ จากส่วนกลางได้ ทำให้สามารถจัดการระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม โดยสามารถจัดการเรื่องสัญญาณรบกวนและตรวจจับอุปกรณ์แปลกปลอมภายในระบบเครือข่ายไร้สายได้ ซึ่งมีทั้งอุปกรณ์ที่ติดตั้งภายนอกและภายในที่จะรองรับการทำงานแบบ Mesh Access Point หรือแบบ Point to Point และ Point to Multi-point

Wireless Network Solution Details
บริษัทให้บริการ วางแผน ออกแบบและติดตั้งระบบเครือข่ายไร้สายโดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ชั้นนำในตลาดโดยเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้เชื่อมต่อระบบเครือภายในอาคารด้วยเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงทั้งการติดตั้งใหม่และการขยายจากระบบเดิม สะดวกต่อการติดตั้งและไม่มีการเดินสายภายในอาคารที่ยุ่งยาก สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ไร้สายได้อย่างสะดวก เช่น Notebook, PDA., Mobile or Wireless Phone, Web Camera, VDO Conference, CCTV หรืออุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11a/b/g/n และสามารถควบคุมการจัดการระบบรักษาความปลอดภัยได้จากส่วนกลาง เพื่อประหยัดต้นทุนในการดำเนินการติดตั้งและตรวจสอบระบบเครือข่ายต่อไปในอนาคต



ประโยชน์ที่ผู้ใช้บริการได้รับ
• การติดตั้งง่ายเนื่องจากอุปกรณ์เป็น Plug & Play ไม่ต้องมีการ Setup อุปกรณ์ Access Point จะรับ Configurations & Policies จากระบบการจัดการควบคุมจากส่วนกลาง
• ระบบสามารถตรวจสอบสัญญาณและป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตเข้ามาใช้งานระบบเครือข่ายไร้สายได้และรองรับการพิสูจน์ตัวตนได้หลายแบบ เช่น Active Directory, LDAP , RADIUS, TACACS+, Internal Database
• ใช้เทคโนโลยี Adaptive Radio Management (ARM) ซึ่งเป็นการปล่อยสัญญาณให้แรงขึ้นเมื่อระบบตรวจสอบพบว่าอุปกรณ์ตัวอื่นไม่สามารถให้บริการได้
• อุปกรณ์รองรับการทำงานแบบ Mesh Access Point ซึ่งทำให้ไม่ต้องใช้สาย UTP. เพียงอาศัยแค่ระบบ Power เพียงอย่างเดียว ซึ่งจะเหมาะแก่การติดตั้งที่ไม่สามารถลากสายไปถึงสถานที่นั้นได้
• ระบบมี State Full Firewall ในตัวและ Firewall Policies ทำงานแบบ Role-Base Access Control สามารถกำหนดให้ผู้ใช้งานเป็น Group Policy เพื่อกำหนดระดับในการเข้าถึงข้อมูลหรือการใช้งานระบบเครือข่ายภายในได้
• ระบบจะจัดทำ Voice Flow Classification (QOS) ให้แบบอัตโนมัติ จึงทำให้การใช้งานข้อมูลพร้อมๆ กับภาพและเสียงไม่เกิดปัญหาขึ้น
• รองรับการขยายระบบและอุปกรณ์ Access Point ในอนาคตได้ โดยยังสามารถจัดการระบบเครือข่ายผ่านอุปกรณ์ตัวเดียวได้เหมือนเดิม
• มีอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็น VPN Box สามารถพกพาไปสถานที่ต่างๆ และทำการเชื่อมต่อผ่านระบบอินเตอร์เน็ตกลับมายังระบบเครือข่ายภายในองค์กรได้ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่สูงและการใช้งานที่สะดวกง่าย รวดเร็ว เหมาะแก่การใช้งานประเภทข้อมูล ภาพและเสียง เช่น การใช้งานเบอร์ต่อภายในองค์กรหรือการประชุมผ่านโครงข่ายไอพี เป็นต้น

กรณีที่ต้องการความครอบคลุมพื้นที่ให้บริการได้มากยิ่งขึ้น กับความหนาแน่นของผู้ใช้บริการที่มากขึ้น ซึ่งจะเหมาะกับสถานที่ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น ห้องประชุม ห้องแสดงสินค้า ห้องจัดงานเลี้ยง งานที่ต้องมีการเคลื่อนย้ายบ่อย หรือบริเวณภายนอกอาคารที่ต้องการให้มีการรองรับการใช้งานจำนวนผู้ใช้งานจำนวนมาก ต้องการความเร็วการรับส่งข้อมูลสูงและมีชุด Tool Kit ในการเก็บรักษาและเพื่อความสะดวกในการขนย้ายในอนาคต

BAY Computing - IP Microwave Backhaul Radio Solution

บริษัท BAY Computing ได้มีการออกแบบและติดตั้งโซลูชั่นเพื่อให้บริการกับลูกค้าที่มีความต้องการใช้งานระบบเครือข่ายไร้สายโดยมีผลิตภัณฑ์ทั้งอุปกรณ์ Outdoor Unit, Indoor Unit และแบบ Split Mount Type. ซึ่งรองรับทั้งแบบ License และ License-exempt ตั้งแต่ช่องสัญญาณความถี่ 2.4 GHz. ถึง 40 GHz. รองรับ Capacity มากกว่า 200 Mbps. โดยจะเหมาะกับองค์กรหลายประเภท เช่น Mobile Operator, Service Provider, Enterprise, Vertical, Government



สามารถนำไปให้บริการการเชื่อมต่อแบบ IP Backhaul Link/Fiber Extension & Backup ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายแบบ Point to Point หรือ Point to Multi-Point โดยฝั่งต้นทางเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายเดิมหรือระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตและเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ IP Microwave จากฝั่งต้นทางไปยังปลายทางได้ในระยะทางกว่า 50 กิโลเมตร ในขณะที่ได้ Throughput เพิ่มมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับระบบ Microwave แบบเดิม ซึ่งจะทำให้การส่งข้อมูล ภาพและเสียงมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมี Latency ที่ต่ำและระบบมีการทำงานในแบบ Native TDM และ Native Ethernet ทำให้ในขณะที่ส่งข้อมูล ภาพและเสียงจะทำให้มีจำนวน Overhead น้อยกว่าแบบเดิมหลายเท่า จึงทำให้ Bandwidth ที่มีอยู่ใช้งานได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
อุปกรณ์ชุด IP Microwave จะรองรับ Interfaces หลากหลายรูปแบบ เช่น Gigabit Ethernet , STM-1 , DS3 , E1 เป็นต้น รองรับการทำงานแบบ MHS (Monitored Hot Standby) 1+1 Hardware Protection และการใช้งานที่ Download และ Upload ไม่เท่ากัน อุปกรณ์สามารถจัดทำ Throughput Level ได้ เช่น 20/80, 80/20, 35/65, 65/35, 50/50 และยังคุ้มค่าด้วยโดยมีฟังก์ชั่น Spectrum Analyzer มากับอุปกรณ์ ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องมีอุปกรณ์ Hardware คอยช่วยตรวจสอบในเรื่อง Receive Signal Level หรือ Frequency Channel
ระบบรักษาความปลอดภัยในการส่งข้อมูลระหว่าง Hop. จะมีฟังก์ชั่น Link Security Key ในขณะที่มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ระหว่างกัน โดยเมื่อมีการส่งข้อมูลภาพและเสียงแล้วสามารถทำการเข้ารหัสข้อมูลแบบ AES Encryption ที่ 128 หรือ 256 Bit ได้
ระบบสามารถจัดการและตรวจสอบ Alarms, Link Performance (Bit Error Rate & Receive Signal Level, Temperature), History Log และสามารถทดสอบ E1 Interface ทั้งแบบ Remote Loopback & Local Loopback ได้
ระบบมี Tool ที่จะช่วยในการวางแผนสำหรับการออกแบบและคำนวณค่าต่างๆ ก่อนการติดตั้งระบบได้ โดยที่สามารถคำนวณเพื่อหาค่า Link Availability ได้ 99.999% Guaranteed

MPLS L2VPN Network Security on Juniper M-Series


การจัดการ VPN โดยใช้ Routing Instance
• สามารถสร้าง Routing Instance หรือเรียกว่าเป็น VPN แต่ละ Group ขึ้นมาได้อย่างมากมาย โดยถ้ามองในระดับของผู้ให้บริการนั้น หมายถึง การแยกลูกค้าแต่ละองค์กรออกจากกัน ลูกค้าแต่ละองค์กรจะเป็นคนละ VPN กัน โดยทำงานอยู่บนอุปกรณ์ตัวเดียวกัน
• การจัดการหรือวางแผนเรื่อง Route Distinguisher & Target No. ซึ่งประกอบด้วย AS No. ของผู้ให้บริการรายนั้น และระบุด้วยหมายเลขขององค์กรแต่ละราย ซึ่งสามารถกำหนดหมายเลขได้ถึง 7 หลัก หมายถึง จะช่วยในการแยกการให้บริการได้ด้วยความปลอดภัย ถ้าหมายเลข VPN Address ไม่ตรงกันในแต่ละ M-Series จะไม่สามารถสื่อสารกันได้
• การกำหนด Site ID. และ Remote Site for L2VPN นั่นหมายถึง การใช้งานแต่ละ Link จะไม่สามารถใช้งานได้ถ้าไม่มีการระบุ Site ID. ในแต่ละ Logical Interface และระบุ Remote Site ID. ถึงแม้จะอยู่ในอุปกรณ์ตัวเดียวกันก็ตาม ส่วนฝั่งปลายทางก็ต้องทำเช่นนี้เหมือนกัน ซึ่งจะเป็นการยืนยันอีกทีว่า จะต้องการ Setup จากที่ใดไปที่ใด
Sample Configuration
[edit routing-instances routing-instance-name]
description text;
instance-type l2vpn;
interface interface-name;
route-distinguisher (as-number:id | vpn-address:id);
vrf-target target:as-number:vpn-address;
protocols {
l2vpn {
encapsulation-type type
traceoptions {
file filename ;
flag flag ;
}
site site-name {
site-identifier identifier;
interface interface-name {
remote-site-id remote-site-id;
}
}
}
}


การจัดการเรื่อง Firewall Filter on Interface
• สามารถสร้างเงื่อนไขจาก Policies Firewall บนตัวอุปกรณ์ M-Series ได้ โดยสามารถสร้างชื่อ Filter ที่ต้องการได้ โดยการกำหนด Term แต่ละ Term ภายใน Term ประกอบด้วยเงื่อนไขต่างๆ และสุดท้ายต้องการให้ Action อะไร และ Match ใน Interface ด้วยชื่อของ firewall filter ซึ่งจะช่วยให้ป้องกันการเข้าถึงระบบ ป้องกันในเรื่อง Security ได้หลายอย่างมาก โดยจะใช้งานได้ดีขึ้นอยู่กับคนที่เขียน Parameters ให้ทำงาน
Sample Configuration
[edit]
aviva@router1# show
firewall {
filter incoming-to-me {
term restrict-telnet-ssh {
from {
protocol tcp;
destination-port [ telnet ssh ];
source-address {
10.0.0.0/8;
}
}
then accept;
}
}
}
}


การใช้ Firewall Filter Count Traffic on an Interface
• สามารถตรวจสอบจำนวนของ Packet ว่าเข้ามา Match Policy ของ Firewall Rule นั้นๆ หรือไม่ ซึ่งจะช่วยวิเคราะห์ปัญหาหรือตรวจสอบนโยบายที่สร้างขึ้นมาว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่
Sample Configuration
[edit firewall filter incoming-to-me]
aviva@RouterF# set term final-accept then count incoming-accepted
aviva@RouterF# set term final-accept then accept
[edit firewall filter incoming-to-me]
aviva@RouterF# set term reject-addresses then count bad-addresses
aviva@RouterF# set term final-accept then discard
aviva@RouterF> show firewall filter incoming-to-me
Filter: incoming-to-me
Counters:
Name Bytes Packets
incoming-accepted 246 4

การตรวจสอบ Logging Traffic on an Interface
• จากการตรวจสอบจำนวนของ Packet ที่ผ่านมา จะสามารถตรวจสอบได้ว่าแต่ละ Packet นั้นที่ Incoming เข้ามามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง โดยจะสามารถตรวจสอบ Source & Destination Address, Logical Interface, Protocol, Time and Action ได้
Sample Configuration
[edit firewall filter incoming-to-me]
aviva@RouterF# set term final-accept then log
aviva@RouterF# set term final-accept then accept
aviva@RouterF> show firewall log
Log :
Time Filter Action Interface Protocol Src Addr Dest Addr
04:59:13 pfe A t1-0/0/3.0 TCP 10.0.31.1 10.0.31.2
04:59:11 pfe A t1-0/0/3.0 TCP 10.0.31.1 10.0.31.2
04:58:43 pfe A t1-0/0/3.0 TCP 10.0.31.1 10.0.31.2
04:58:41 pfe A t1-0/0/3.0 TCP 10.0.31.1 10.0.31.2

การ Limit Traffic on Interface
• จะช่วยให้การบริหารจัดการ Bandwidth ได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Policies

Sample Configuration

[edit firewall]
aviva@RouterF# set policer limit-icmp if-exceeding bandwidth-limit 1m
aviva@RouterF# set policer limit-icmp if-exceeding burst-size-limit 50k
aviva@RouterF# set policer limit-icmp then discard

การป้องกัน Routing Engine เพื่อให้มั่นใจว่า Traffic ที่เข้ามานั้นเป็น Trusted Network เท่านั้น

• การสร้าง firewall filter สำหรับป้องกัน routing engine โดยให้อนุญาตเฉพาะ Routing protocol traffic แบบ BGP Peer, OSPF Neighbors โดย Source Addressing ที่กำหนดเท่านั้น

[edit firewall filter protect-RE]
aviva@RouterF# edit term bgp-peers
[edit firewall filter protect-RE term bgp-peers]
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.8.0/24
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.13.0/24
aviva@RouterF# set from destination-port bgp
aviva@RouterF# set then accept
aviva@RouterF# up
[edit firewall filter protect-RE]
aviva@RouterF# edit term ospf-neighbors
[edit firewall filter protect-RE term ospf-neighbors]
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.8.0/24
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.13.0/24
aviva@RouterF# set from protocol ospf
aviva@RouterF# set then accept

• การอนุญาต Traffic ประเภท TCP ตาม Source Address ที่กำหนด
[edit
firewall filter protect-RE ]
aviva@RouterF# edit term tcp-traffic
[edit firewall filter protect-RE term tcp-traffic ]
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.0.0/8
aviva@RouterF# set from protocol tcp
aviva@RouterF# set then accept

• การอนุญาต DNS Traffic
[edit firewall filter protect-RE ]
aviva@RouterF# edit term dns-servers
[edit firewall filter protect-RE term dns-servers ]
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.0.0/8
aviva@RouterF# set from protocol udp
aviva@RouterF# set from port domain
aviva@RouterF# set then accept

• การอนุญาตในเรื่องการ Authentication for User & Accounting Management และการจัดการในช่องทางอื่นๆ
[edit firewall filter protect-RE]
aviva@RouterF# edit term radius
[edit firewall filter protect-RE term radius ]
aviva@RouterF# set from source-address 10.1.0.1/32
aviva@RouterF# set from source-address 10.3.0.1/32
aviva@RouterF# set from source-port radius
aviva@RouterF# set then accept
[edit firewall filter protect-RE term radius ]
aviva@RouterF# up
[edit firewall filter protect-RE ]
aviva@RouterF# edit term ssh-telnet
[edit firewall filter protect-RE term ssh-telnet ]
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.8.0/24
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.13.0/24
aviva@routerF# set from destination-port [ ssh telnet ]
aviva@RouterF# set then accept

• การอนุญาต Traffic SNMP สำหรับการใช้งาน Network Management System
[edit firewall filter protect-RE ]
aviva@RouterF# edit term xnm-from-nms
[edit firewall filter protect-RE term xnm-from-nms ]
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.0.1/32
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.5.1/32
aviva@RouterF# set from protocol tcp
aviva@RouterF# set then accept
aviva@RouterF# up
[edit firewall filter protect-RE ]
aviva@RouterF# edit term allow-snmp-from-nms
[edit firewall filter protect-RE term allow-snmp-from-nms ]
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.0.1/32
aviva@RouterF# set from source-address 10.0.5.1/32
aviva@RouterF# set from protocol udp
aviva@RouterF# set from destination-port snmp
aviva@RouterF# set then accept

• การอนุญาต Traffic NTP Server & ICMP
[edit
firewall filter protect-RE ]
aviva@RouterF# edit term allow-ntp
[edit firewall filter protect-RE term allow-ntp ]
aviva@RouterF# set from source-address 10.10.0.1/32
aviva@RouterF# set from source-address 10.10.5.1/32
aviva@RouterF# set from port ntp
aviva@RouterF# set then accept
aviva@RouterF# up
[edit firewall filter protect-RE ]
aviva@RouterF# edit term allow-icmp
[edit firewall filter protect-RE term allow-icmp ]
aviva@RouterF# set from protocol icmp
aviva@RouterF# set from icmp-type [ echo-request echo-reply
unreachable time-exceeded
source-quench ]
aviva@RouterF# set then accept

• การสร้างเงื่อนไขสุดท้าย ไม่อนุญาตถ้าไม่ตรงกับเงื่อนไขข้างบน โดยจะต้องทำการเก็บ Counter, Log, Syslog สุดท้ายให้ packet ถูก Reject ไป
[edit firewall filter protect-RE ]
aviva@RouterF# edit term allow-nothing-else
[edit firewall filter protect-RE term allow-nothing-else ]
aviva@RouterF# set then count reject-counter
aviva@RouterF# set then log
aviva@RouterF# set then syslog
aviva@RouterF# set then reject

• การสร้างเงื่อนไขในการตรวจสอบเรื่องการ Attack โดยใช้ Counter ซึ่งจะช่วยให้ Router ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
[edit firewall filter protect-RE2 ]
aviva@RouterF# set term tcp then count tcp-counter
[edit interfaces]
aviva@RouterF# set lo0 unit 0 family inet filter input protect-RE2
[edit firewall filter tcp-flooding ]
aviva@RouterF# set term syn from protocol tcp
aviva@RouterF# set term syn from tcp-flags syn
aviva@RouterF# set term syn then count packets-syn
aviva@RouterF# set term syn then log
aviva@RouterF# set term syn then accept
aviva@RouterF# set term
rst from protocol tcp
aviva@RouterF# set term rst from tcp-flags rst
aviva@RouterF# set term rst then count packets-rst
aviva@RouterF# set term rst then log
aviva@RouterF# set term rst then accept
aviva@RouterF# set term fin from protocol tcp
aviva@RouterF# set term fin from tcp-flags fin
aviva@RouterF# set term fin then count packets-fin
aviva@RouterF# set term fin then log
aviva@RouterF# set term fin then accept
aviva@RouterF# set term tcp then count packets-tcp
aviva@RouterF# set term tcp then accept

• รองรับการทำงานแบบ SNMPv3 และ SNMPv3 Traps ซึ่งสามารถ Generate traps เกี่ยวกับ Hardware chassis หรือ Configuration event และส่ง trap ไปยัง Network Management System ได้อย่างปลอดภัยสูงสุด
[edit snmp v3]
aviva@router1# set notify chassis-notification-list type trap
aviva@router1# set notify chassis-notification-list tag chassis-trap-receivers
[edit snmp v3]
aviva@router1# set notify-filter chassis-
traps oid jnxChassisTraps include
aviva@router1# set notify-filter chassis-traps oid jnxChassisOKTraps include
[edit snmp v3]
aviva@router1# edit target-address nms1
[edit snmp v3 target-address nms1 ]
aviva@router1# set address 10.0.10.1
aviva@router1# set tag-list chassis-trap-receivers
aviva@router1# set target-parameters nms1-parameters
[edit snmp v3]
aviva@router1# edit target-parameters nms1-parameters
[edit snmp v3 target-parameters nms1-parameters ]
aviva@router1# set parameters message-processing-model v3
aviva@router1# set parameters security-model usm
aviva@router1# set parameters security-level privacy
aviva@router1# set parameters security-name nms1
aviva@router1# set notify-filter chassis-traps
edit snmp v3]
aviva@router1# set notify config-notification-list type trap
aviva@router1# set notify config-notification-list tag config-trap-receivers
[edit snmp v3]
aviva@router1# set notify-filter config-traps oid jnxCmNotifications include
[edit snmp v3]
aviva@router1# set target-address nms2 address 192.168.15.27
aviva@router1# set target-address nms2 tag-list config-trap-receivers
aviva@router1# set target-address nms2 target-parameters nms2-parameters
[edit snmp v3]
aviva@router1# set target-parameters nms2-parameters notify-filter config-traps
aviva@router1# set target-parameters nms2-parameters parameters
message-processing-
model v3
aviva@router1# set target-parameters nms2-parameters parameters security-model usm
aviva@router1# set target-parameters nms2-parameters parameters security-level
privacy
aviva@router1# set target-parameters nms2-parameters parameters security-name nms2


การป้องกันเรื่อง Security on M-Series (P or PE)

• การป้องกัน Root Authen โดยการเปลี่ยน Password Root ใหม่
system {
host-name router1
;
domain-name mynetwork.com;
backup-router 192.168.15.2;
root-authentication {
encrypted-password "$1$ZUlES4dp$OUwWo1g7cLoV/aMWpHUnC/"; ## SECRET-DATA;
}
name-server {
192.168.15.3;
}

• การ Control Root Authen ด้วยการ Load Key on Server
[edit]
root@router1# set system root-authentication ssh $1991poppI
[edit]
aviva@router1# set system root-authentication load-key-file server1:/homes/aviva
/.ssh/id_dsa.pub
.file.19692 | 0 KB | 0.3 kB/s | ETA: 00:00:00 | 100%
aviva@router1# show
system {
root-authentication {

ssh-rsa "1024 35
9727638204084251055468226757249864241630322207404962528390382038690141584534964170019
6106083587229615634757849182736033612764418742659468932077391083448101268312595772262
5461667999278316123500438660915866283822489746732605661192181489539813965561563786211
94032768780653816960202749164163735913269396344008443
root@mynetwork.com"; # SECRET-
DATA
}
}
[edit system]
aviva@router1# set services ssh root-login deny

• การอนุญาตการ Access ไปยังอุปกรณ์ด้วยความปลอดภัย เช่น การใช้ SSH
• SSH to provide secure encrypted sessions to the router
aviva@router1# set system services ssh
aviva-server1% 122: ssh router1
The authenticity of host 'router1-mycompany.com (192.168.71.246)' can't be
established.
DSA key fingerprint is 2c:a9:35:c5:2a:db:12:5b:b6:6e:0b:17:ae:ec:d4:55.
Are you sure you want to continue connecting (yes/no)? yes
Warning: Permanently added 'router1-mycompany.com' (DSA) to the list of known hosts.
aviva@router1-mycompany.com's password:
--- JUNOS 7.4R1.7 built 2005-10-24 08:10:28 UTC
aviva@router1>

• Authentication Method (Radius/Tacacs/Local Password)
[edit]
aviva@router1> set system authentication-order [ radius password ]
[edit]
aviva@router1# set system authentication-order [ tacacs password ]

• การสร้าง Accounting on Router ซึ่งสามารถแบ่งแยก Level หรือกำหนดสิทธิ์ต่างๆ ในการ Access ได้
[edit system login]
aviva@router1# set user sage class operator
aviva@router1# set user sage full-name "sage david"
aviva@router1# set user sage uid 1991
aviva@router1# set user sage authentication plain-text-password
New password:
Retype new password:
เช่น
login {
user jarupat {
uid 2002;
class super-user;
authentication {
encrypted-password "$1$FF3Me31z$aDkgiqWl9EYD7xj3/HMCl."; ## SECRET-DATA
}
}

การ Changing the Plain-Text Password Encryption Method
• ถ้าปรกติการใช้ plain-text passwords จะเป็นการเข้ารหัสแบบ SHA1 และสามารถเปลี่ยนมาเป็น DES หรือ MD5 ได้
[edit]
aviva@router1# set system login password format des
[edit]
aviva@router1# set system login password format md5

• สามารถสร้าง Group ในการ Login ได้
[edit system login]
aviva@router1#
set user noc class operator
aviva@router1# set user noc full-name "NOC team"
[edit system]
aviva@router1# set authentication-order [ tacacs password ]
user = mike {
service = junos-exec {
local-user-name = noc
}
}
user = sage {
service = junos-exec {
local-user-name = noc
}
}

• รองรับการ Setup เพื่อ Authentication to RADIUS Server
[edit system]
aviva@router1# set radius-server 192.168.63.10 secret $1991poppI
aviva@router1# show
radius-server {
192.168.63.10 secret "$9$90m6AO1EcyKWLhcYgaZji"; ## SECRET-DATA
}
[edit system]
aviva@router1# set radius-server 192.168.63.10 retry 1
aviva@router1# set radius-server 192.168.63.10 timeout 10
[edit system]
aviva@router1# set radius-server 192.168.0.23 secret 2lip123
aviva@router1# set radius-server 10.0.16.1 secret 883roZe
[edit system]
aviva@router1# show
radius-server {
192.168.63.10 secret "$9$vs0W7-oJGiqm24fzF3AtKvWL7V"; ## SECRET-DATA
10.0.16.1 secret "$9$4DojHQFnCp0TzIcrKXxbs2"; ## SECRET-DATA
192.168.0.23 secret "$9$7edYgq.5QF/iktuB1hcwY2"; ## SECRET-DATA
}

• รองรับการ Setting Up TACACS+ User Authentication
[edit system]
aviva@router1# set tacacs-server 192.168.62.10 secret $1991poppI
aviva@router1# show
tacacs-server {
192.168.62.10 secret "$9$90m6AO1EcyKWLhcYgaZji"; ## SECRET-DATA
}

• การจัดการเรื่อง SSH & Telnet Access โดยการสร้าง Firewall filter เพื่อกำหนดเงื่อนไขในการ Access Network
[edit firewall filter protect-RE ]
aviva@RouterF# set term ssh-telnet from source-address 10.0.8.0/24
aviva@routerF# set term ssh-telnet from destination-port [ ssh telnet ]
aviva@RouterF# set then accept
[edit
firewall filter protect-RE ]
aviva@RouterF# set term allow-nothing-else then count reject-counter
aviva@RouterF# set term allow-nothing-else then log
aviva@RouterF# set term allow-nothing-else then syslog
aviva@RouterF# set term allow-nothing-else then reject
[edit interfaces]
aviva@RouterF# set lo0 unit 0 family inet filter input protect-RE

• การจัดการ MAC Address Filtering on IP Interface
[edit interfaces fe-0/0/0 fastether-options]
lab@r3# set source-filtering

[edit interfaces fe-0/0/0 fastether-options]
lab@r3# set source-address-filter 00:a0:c9:6f:7b:3e

[edit interfaces fe-0/0/0 fastether-options]
lab@r3# up
[edit interfaces fe-0/0/0]
lab@r3# show
fastether-options {
source-filtering;
source-address-filter {
00:a0:c9:6f:7b:3e;
}
}