การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในประเทศไทยมีขั้นตอนและกระบวนการที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่กำหนดไว้ เพื่อความโปร่งใสและความยุติธรรมในการใช้จ่ายเงินภาครัฐ โดยกระบวนการหลัก ๆ มีดังนี้
1. การวางแผนการจัดซื้อจัดจ้าง หน่วยงานภาครัฐต้องวางแผนการจัดซื้อจัดจ้างล่วงหน้า
โดยกำหนดสิ่งที่ต้องการซื้อหรือจ้าง การประมาณราคา และระยะเวลาที่ต้องการ
การวางแผนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โปร่งใส และตอบสนองความต้องการของหน่วยงานรัฐอย่างเหมาะสม โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ
ดังนี้
1.1
การระบุความต้องการ หน่วยงานต้องระบุสิ่งที่ต้องการซื้อหรือจ้างให้ชัดเจน
รวมถึงปริมาณและคุณภาพที่ต้องการศึกษาความต้องการจากผู้ใช้งานภายในหน่วยงาน
และวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน
1.2
การวิเคราะห์และกำหนดคุณลักษณะ กำหนดคุณลักษณะของสินค้าหรือบริการที่ต้องการจัดซื้อจัดจ้าง
เช่น คุณภาพ ข้อกำหนดทางเทคนิค (TOR) และคุณสมบัติพิเศษต่าง
ๆ และกำหนดมาตรฐานและเงื่อนไขที่ต้องการเพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างตรงตามความต้องการ
1.3
การประมาณราคา ศึกษาราคาตลาดและเปรียบเทียบราคาจากแหล่งต่าง
ๆ เพื่อประมาณราคาเบื้องต้น ใช้ข้อมูลจากการศึกษาความเป็นไปได้และการสำรวจราคาตลาดเพื่อกำหนดงบประมาณที่เหมาะสม
1.4
การกำหนดแผนการจัดซื้อจัดจ้าง จัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีหรือรายไตรมาส
โดยระบุรายการที่จะจัดซื้อจัดจ้าง ช่วงเวลาที่จะดำเนินการ
และงบประมาณที่คาดว่าจะใช้ จัดลำดับความสำคัญของการจัดซื้อจัดจ้างตามความจำเป็นและความสำคัญของงาน
1.5
การตรวจสอบและอนุมัติแผน ส่งแผนการจัดซื้อจัดจ้างให้ผู้บริหารหรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณาและอนุมัติ,ตรวจสอบแผนเพื่อให้แน่ใจว่าครอบคลุมความต้องการทั้งหมดและสอดคล้องกับนโยบายและระเบียบที่กำหนด
1.6
การจัดทำเอกสารและการบันทึกข้อมูล จัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการจัดซื้อจัดจ้าง
เช่น รายละเอียดความต้องการ เอกสารประมาณราคา และเอกสารแผนการจัดซื้อจัดจ้าง บันทึกข้อมูลการวางแผนในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อความโปร่งใสและการติดตามผลในภายหลัง
1.7
การประชาสัมพันธ์แผน ประชาสัมพันธ์แผนการจัดซื้อจัดจ้างให้กับหน่วยงานภายในและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ทราบถึงความต้องการและการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในอนาคต
การวางแผนการจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีระบบและมีการตรวจสอบที่ดี
จะช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีความโปร่งใสและประสิทธิภาพสูงสุด.
2.
การประกาศและการเชิญชวน เมื่อได้รับการอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้าง
หน่วยงานจะต้องประกาศรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างผ่านสื่อที่กำหนด
เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมประมูลหรือเสนอราคาได้ การประกาศและการเชิญชวนในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม
โดยกระบวนการหลักมีดังนี้
2.1
การจัดทำประกาศ หน่วยงานต้องจัดทำประกาศรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้าง
ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่สำคัญ เช่น รายละเอียดของสิ่งที่จะจัดซื้อหรือจ้าง
เงื่อนไขการเข้าร่วม การยื่นข้อเสนอ ราคาและงบประมาณที่ตั้งไว้
รวมถึงเกณฑ์การคัดเลือก ประกาศต้องมีความชัดเจนและครบถ้วน
เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าใจและเตรียมเอกสารได้ถูกต้อง
2.2
การเผยแพร่ประกาศ หน่วยงานจะต้องเผยแพร่ประกาศผ่านช่องทางที่กำหนดโดยกฎหมาย
เช่น เว็บไซต์ของหน่วยงาน เว็บไซต์จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) หนังสือพิมพ์
และสื่อมวลชนอื่น ๆ ประกาศต้องเผยแพร่ในเวลาที่เหมาะสม
โดยต้องให้เวลาเพียงพอสำหรับผู้ที่สนใจในการเตรียมเอกสารและข้อเสนอ
2.3
การเชิญชวนผู้เสนอราคา หน่วยงานอาจทำการเชิญชวนผู้เสนอราคาหรือผู้รับจ้างที่มีความสามารถและประสบการณ์ตรงกับงานที่ต้องการ
การเชิญชวนสามารถทำได้ผ่านทางจดหมายหรืออีเมลถึงผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเบื้องต้น
2.4
การจัดเตรียมและแจกเอกสารการประกวดราคา หน่วยงานต้องจัดเตรียมเอกสารการประกวดราคาหรือเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างที่ครบถ้วนและชัดเจน
เช่น เอกสารรายละเอียดงาน (TOR) แบบฟอร์มการยื่นข้อเสนอ
และเงื่อนไขการประมูล แจกจ่ายเอกสารให้กับผู้ที่สนใจหรือผู้ที่ได้รับการเชิญชวน
โดยอาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับเอกสาร
2.5
การประชุมชี้แจง (ถ้ามี) หน่วยงานอาจจัดการประชุมชี้แจงรายละเอียดและเงื่อนไขของการจัดซื้อจัดจ้างกับผู้ที่สนใจเข้าร่วม
เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ในการประชุมชี้แจง
ผู้เข้าร่วมสามารถสอบถามและรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง
2.6
การตอบข้อซักถามและชี้แจงเพิ่มเติม หากมีผู้เสนอราคาสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศหรือเอกสารการจัดซื้อจัดจ้าง
หน่วยงานต้องตอบข้อซักถามและชี้แจงเพิ่มเติมให้ชัดเจน หน่วยงานต้องบันทึกข้อซักถามและคำชี้แจงไว้เป็นหลักฐาน
เพื่อความโปร่งใสและการตรวจสอบในภายหลัง
2.7
การขยายระยะเวลาการเสนอราคา (ถ้ามี) หากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือมีการชี้แจงเพิ่มเติมที่อาจส่งผลต่อการเตรียมข้อเสนอ
หน่วยงานอาจพิจารณาขยายระยะเวลาการยื่นข้อเสนอ
เพื่อให้ผู้เสนอราคามีเวลาเพียงพอในการเตรียมเอกสาร
2.8
การยื่นข้อเสนอ ผู้สนใจเข้าร่วมการจัดซื้อจัดจ้างต้องยื่นข้อเสนอภายในเวลาที่กำหนด
โดยการยื่นข้อเสนออาจทำได้ทางอิเล็กทรอนิกส์หรือส่งเอกสารทางไปรษณีย์ตามที่ประกาศระบุ
2.9
การเปิดข้อเสนอและพิจารณา หลังจากปิดรับข้อเสนอ
หน่วยงานจะดำเนินการเปิดข้อเสนอและพิจารณาตามเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศ การเปิดข้อเสนอและการพิจารณาต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสและยุติธรรม
โดยมีการบันทึกขั้นตอนและผลการพิจารณาอย่างเป็นระบบ
การประกาศและการเชิญชวนที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใสเป็นส่วนสำคัญในการรับรองว่าการจัดซื้อจัดจ้างจะเป็นไปอย่างยุติธรรมและสามารถคัดเลือกผู้เสนอราคาที่มีคุณภาพและความสามารถตรงตามความต้องการของหน่วยงานภาครัฐ
3.
การพิจารณาและการคัดเลือก หน่วยงานจะพิจารณาและคัดเลือกผู้ที่เสนอราคาหรือบริการที่เหมาะสมที่สุดตามเกณฑ์ที่กำหนด
โดยการประมูลหรือการคัดเลือกสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การประมูลด้วยราคาต่ำสุด
การประกวดราคา การประมูลอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ การพิจารณาและการคัดเลือกในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ผู้เสนอราคาหรือผู้รับจ้างที่มีคุณภาพและมีความสามารถตามที่ต้องการ
โดยกระบวนการหลักมีดังนี้
3.1
การตรวจสอบคุณสมบัติและความครบถ้วนของเอกสาร หลังจากปิดรับข้อเสนอ
หน่วยงานจะตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสารที่ผู้เสนอราคายื่นมา เช่น
หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท ใบอนุญาตประกอบกิจการ และเอกสารอื่น ๆ
ที่กำหนดไว้ในประกาศ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคาตามเงื่อนไขที่ระบุในเอกสารประกวดราคา
(TOR) เช่น ความสามารถทางการเงิน ประสบการณ์การทำงาน
และความสามารถทางเทคนิค
3.2
การพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิค คณะกรรมการจะพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิคของผู้เสนอราคาทุกราย
โดยเปรียบเทียบกับข้อกำหนดในเอกสารประกวดราคา (TOR) ข้อเสนอที่ได้รับการพิจารณาต้องมีคุณสมบัติตรงตามหรือสูงกว่าข้อกำหนดที่ระบุไว้
หากข้อเสนอใดไม่ตรงตามข้อกำหนดจะถูกตัดสิทธิ์
3.3
การพิจารณาข้อเสนอทางการเงิน ข้อเสนอทางการเงินจะถูกพิจารณาหลังจากข้อเสนอทางเทคนิคได้รับการตรวจสอบและอนุมัติแล้ว
หน่วยงานจะเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขทางการเงินของผู้เสนอราคาทุกราย
โดยเลือกข้อเสนอที่มีราคาที่ดีที่สุดและตรงตามงบประมาณที่กำหนดไว้ การพิจารณาราคาจะคำนึงถึงความคุ้มค่าและความสามารถในการดำเนินงาน
ไม่ใช่เพียงแค่ราคาต่ำสุด
3.4
การจัดทำคะแนนและจัดอันดับ คณะกรรมการจะให้คะแนนข้อเสนอแต่ละรายการตามเกณฑ์ที่กำหนด
เช่น คะแนนทางเทคนิค คะแนนทางการเงิน และคะแนนเพิ่มเติม (ถ้ามี) คะแนนรวมของแต่ละข้อเสนอจะถูกจัดลำดับตามลำดับคะแนนสูงสุดไปต่ำสุด
3.5
การตรวจสอบและการพิจารณาเพิ่มเติม
(ถ้ามี) หน่วยงานอาจทำการตรวจสอบเพิ่มเติมหรือนัดสัมภาษณ์ผู้เสนอราคาที่มีคะแนนสูงสุด
เพื่อให้แน่ใจว่ามีความสามารถและความเข้าใจในงานที่ต้องการ การตรวจสอบเพิ่มเติมอาจรวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ยื่นมา
การตรวจสอบสถานที่ทำงาน หรือการตรวจสอบประวัติการทำงานที่ผ่านมา
3.6
การตัดสินใจและการประกาศผล คณะกรรมการจะตัดสินใจเลือกผู้เสนอราคาที่ได้รับคะแนนรวมสูงสุดและตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด
ประกาศผลการคัดเลือกผู้ชนะการประกวดราคาอย่างเป็นทางการ
โดยระบุรายละเอียดของผู้ชนะและเหตุผลในการคัดเลือก การประกาศผลจะถูกเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน
เว็บไซต์จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) และสื่อมวลชนอื่น ๆ
3.7
การทำสัญญา หน่วยงานจะทำสัญญากับผู้ชนะการประกวดราคาตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน
ในสัญญาจะต้องระบุรายละเอียดของสิ่งที่จัดซื้อจัดจ้าง ข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆ
รวมถึงระยะเวลาการดำเนินงาน
3.8
การตรวจสอบและการอุทธรณ์ (ถ้ามี) ผู้เสนอราคาที่ไม่พอใจผลการคัดเลือกสามารถยื่นคำร้องขออุทธรณ์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
หน่วยงานต้องตรวจสอบและพิจารณาคำร้องอุทธรณ์อย่างเป็นธรรมและโปร่งใส
การพิจารณาและการคัดเลือกที่เป็นธรรมและโปร่งใสจะช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และสามารถคัดเลือกผู้เสนอราคาที่มีคุณภาพและความสามารถตรงตามความต้องการของหน่วยงานได้อย่างเหมาะสม.
4.
การทำสัญญา หลังจากการคัดเลือก
หน่วยงานจะทำสัญญากับผู้ที่ได้รับคัดเลือก
โดยในสัญญาจะต้องระบุรายละเอียดของสิ่งที่จัดซื้อจัดจ้าง ข้อกำหนด
และเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม
การทำสัญญาในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องมีความชัดเจนและโปร่งใส
เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามที่ตกลงกัน โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้
4.1
การเตรียมสัญญา หน่วยงานจะต้องจัดทำร่างสัญญาที่มีรายละเอียดครบถ้วนและสอดคล้องกับข้อเสนอที่ได้รับการคัดเลือก
ร่างสัญญาจะต้องครอบคลุมถึงรายละเอียดงาน (TOR) เงื่อนไขการดำเนินงาน
ข้อกำหนดทางเทคนิค ราคาที่ตกลงกัน ระยะเวลาการส่งมอบ และเงื่อนไขการชำระเงิน
4.2
การตรวจสอบและอนุมัติร่างสัญญา ร่างสัญญาต้องได้รับการตรวจสอบจากฝ่ายกฎหมายหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้แน่ใจว่ามีความถูกต้องและสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ร่างสัญญาจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจภายในหน่วยงาน
4.3
การเจรจาสัญญา (ถ้ามี) หน่วยงานอาจทำการเจรจากับผู้เสนอราคาที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อปรับปรุงหรือแก้ไขบางส่วนของร่างสัญญา
การเจรจาต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสและยุติธรรม โดยมีการบันทึกการเจรจาเป็นหลักฐาน
4.4
การลงนามในสัญญา หลังจากร่างสัญญาได้รับการอนุมัติและตกลงกันเรียบร้อยแล้ว
หน่วยงานและผู้เสนอราคาที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องลงนามในสัญญา การลงนามในสัญญาต้องมีพยานและการบันทึกวันที่ลงนามอย่างชัดเจน
4.5
การประกันสัญญา (ถ้ามี) ผู้เสนอราคาที่ได้รับการคัดเลือกอาจต้องจัดหาหลักประกันสัญญาตามที่ระบุในสัญญา
เช่น เงินประกันสัญญา หรือหนังสือค้ำประกันจากธนาคาร หลักประกันสัญญามีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองหน่วยงานในกรณีที่ผู้เสนอราคาผิดสัญญาหรือไม่สามารถดำเนินงานตามที่ตกลงกัน
4.6
การเผยแพร่สัญญา หน่วยงานต้องเผยแพร่สัญญาที่ทำขึ้นให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทราบ
สัญญาที่ลงนามแล้วจะต้องเก็บรักษาอย่างเป็นระเบียบและสามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง
4.7
การดำเนินงานตามสัญญา ผู้รับจ้างต้องดำเนินงานตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา
รวมถึงการส่งมอบงานตามระยะเวลาที่กำหนด หน่วยงานต้องติดตามและตรวจสอบการดำเนินงานของผู้รับจ้างอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้แน่ใจว่าผู้รับจ้างปฏิบัติตามสัญญา
4.8
การแก้ไขสัญญา (ถ้ามี) หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขสัญญา
หน่วยงานและผู้รับจ้างต้องเจรจาและตกลงการแก้ไขอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร การแก้ไขสัญญาต้องได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจและบันทึกการแก้ไขอย่างเป็นทางการ
4.9
การตรวจรับและการชำระเงิน หน่วยงานต้องตรวจรับงานที่ผู้รับจ้างส่งมอบเพื่อให้แน่ใจว่างานตรงตามข้อกำหนดในสัญญา
การชำระเงินจะดำเนินการตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา โดยอาจแบ่งการชำระเงินเป็นงวด ๆ
ตามความคืบหน้าของงาน
4.10 การปิดสัญญา หลังจากงานทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์และตรวจรับเรียบร้อย
หน่วยงานต้องดำเนินการปิดสัญญาอย่างเป็นทางการ การปิดสัญญารวมถึงการคืนหลักประกันสัญญา
(ถ้ามี) และการบันทึกผลการดำเนินงานในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
การทำสัญญาที่เป็นระบบและโปร่งใสจะช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ลดความเสี่ยงในการผิดสัญญาและสามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง
5.
การติดตามและการตรวจรับ เมื่อได้รับสินค้าหรือบริการ
หน่วยงานจะต้องตรวจรับและตรวจสอบความถูกต้องตามสัญญาที่ได้ทำไว้
การติดตามและการตรวจรับในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจว่าสินค้าหรือบริการที่ได้รับตรงตามข้อกำหนดในสัญญา
และการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
กระบวนการนี้ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
การติดตามงาน
· การกำหนดผู้รับผิดชอบการติดตามงาน หน่วยงานต้องกำหนดเจ้าหน้าที่หรือคณะทำงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงาน
ผู้รับผิดชอบต้องมีความรู้ความเข้าใจในรายละเอียดงานที่ระบุในสัญญาและข้อกำหนดต่าง
ๆ
· การวางแผนการติดตามงาน จัดทำแผนการติดตามงานที่ระบุระยะเวลาและขั้นตอนการตรวจสอบความคืบหน้าของงาน
แผนการติดตามต้องสอดคล้องกับระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา
· การติดตามความคืบหน้าของงาน ผู้รับผิดชอบต้องตรวจสอบและติดตามความคืบหน้าของงานอย่างต่อเนื่อง
โดยอาจทำการตรวจสอบสถานที่ทำงานจริงหรือการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง การติดตามความคืบหน้าอาจใช้การรายงานความคืบหน้าจากผู้รับจ้างหรือการประชุมติดตามงาน
· การประเมินผลการดำเนินงาน ประเมินผลการดำเนินงานของผู้รับจ้างเทียบกับข้อกำหนดในสัญญาและแผนการดำเนินงานที่ตกลงกัน
หากพบว่ามีปัญหาหรือความล่าช้าในการดำเนินงาน
ผู้รับผิดชอบต้องแจ้งให้ผู้รับจ้างทราบและดำเนินการแก้ไข
การตรวจรับงาน
· การจัดทำแผนการตรวจรับงาน จัดทำแผนการตรวจรับงานที่ระบุขั้นตอนและเกณฑ์การตรวจรับ
แผนการตรวจรับต้องครอบคลุมทุกขั้นตอนของการดำเนินงานและเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา
· การจัดเตรียมคณะกรรมการตรวจรับ แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับที่ประกอบด้วยผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญในงานที่ต้องตรวจรับ
คณะกรรมการตรวจรับต้องเป็นกลางและมีความโปร่งใสในการดำเนินงาน
· การตรวจรับงานเบื้องต้น คณะกรรมการตรวจรับต้องทำการตรวจรับงานเบื้องต้นเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของงานที่ผู้รับจ้างส่งมอบ
ตรวจสอบว่าการดำเนินงานตรงตามข้อกำหนดทางเทคนิค คุณภาพ และปริมาณที่ระบุในสัญญา
· การทดสอบและการประเมินคุณภาพ หากจำเป็น
คณะกรรมการตรวจรับอาจทำการทดสอบและประเมินคุณภาพของสินค้าหรือบริการที่ส่งมอบ การทดสอบต้องดำเนินการตามมาตรฐานที่ระบุในสัญญาและมีการบันทึกผลการทดสอบเป็นหลักฐาน
· การแก้ไขข้อผิดพลาด
(ถ้ามี) หากพบข้อผิดพลาดหรือความไม่สมบูรณ์ในงานที่ส่งมอบ
คณะกรรมการตรวจรับต้องแจ้งให้ผู้รับจ้างทราบและดำเนินการแก้ไข กำหนดระยะเวลาในการแก้ไขและทำการตรวจรับงานใหม่หลังจากที่ผู้รับจ้างดำเนินการแก้ไขแล้ว
· การตรวจรับงานสุดท้าย เมื่อคณะกรรมการตรวจรับเห็นว่างานที่ส่งมอบเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดในสัญญา
จะดำเนินการตรวจรับงานสุดท้าย การตรวจรับงานสุดท้ายต้องบันทึกเป็นเอกสารตรวจรับงานที่มีการลงนามรับรองจากคณะกรรมการตรวจรับ
· การอนุมัติการชำระเงิน เมื่อการตรวจรับงานสุดท้ายเสร็จสิ้นและเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา
หน่วยงานจะดำเนินการอนุมัติการชำระเงินตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา การชำระเงินอาจแบ่งเป็นงวด
ๆ ตามความคืบหน้าของงานหรือชำระเต็มจำนวนหลังจากงานเสร็จสมบูรณ์
· การจัดเก็บเอกสาร เก็บรักษาเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการติดตามและการตรวจรับงานอย่างเป็นระบบ
เพื่อความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง เอกสารที่เกี่ยวข้องเช่น
รายงานความคืบหน้า เอกสารการตรวจรับงาน และเอกสารการชำระเงิน
การติดตามและการตรวจรับงานอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นไปตามข้อกำหนด
ลดความเสี่ยงในการรับสินค้าหรือบริการที่ไม่ตรงตามความต้องการ
และสามารถควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
6.
การจ่ายเงิน หลังจากการตรวจรับเรียบร้อย
หน่วยงานจะดำเนินการจ่ายเงินตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในประเทศไทย
ได้แก่
การจ่ายเงินในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและโปร่งใส
เพื่อให้มั่นใจว่าการจ่ายเงินเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา
และการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการจ่ายเงินมีขั้นตอนดังนี้
การจ่ายเงินในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
6.1
การตรวจสอบเอกสารการขอเบิกเงิน ผู้รับจ้างต้องยื่นเอกสารการขอเบิกเงินตามที่ระบุในสัญญา
เช่น ใบแจ้งหนี้ (Invoice) ใบส่งมอบงาน (Delivery Note) และใบตรวจรับงาน
(Acceptance Report) หน่วยงานต้องตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของเอกสารการขอเบิกเงิน
โดยเปรียบเทียบกับข้อกำหนดในสัญญา
6.2
การตรวจสอบความถูกต้องของการส่งมอบงาน ตรวจสอบว่าผู้รับจ้างได้ส่งมอบสินค้าหรือบริการตามที่ระบุในสัญญา
และมีการตรวจรับงานจากคณะกรรมการตรวจรับเรียบร้อยแล้ว ตรวจสอบว่าเอกสารการตรวจรับงานถูกต้องและเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา
6.3
การจัดทำรายงานการจ่ายเงิน หน่วยงานต้องจัดทำรายงานการจ่ายเงินที่ระบุรายละเอียดการเบิกจ่าย
เช่น จำนวนเงินที่ต้องจ่าย วันที่จ่าย และรายละเอียดของสินค้าหรือบริการที่ได้รับ รายงานการจ่ายเงินต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากผู้มีอำนาจในหน่วยงาน
6.4
การอนุมัติการจ่ายเงิน หลังจากรายงานการจ่ายเงินได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากผู้มีอำนาจ
หน่วยงานจะดำเนินการจัดทำเอกสารการจ่ายเงิน เช่น ใบสั่งจ่าย (Payment Order) และเอกสารทางการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การจ่ายเงินต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารหรือคณะกรรมการที่มีอำนาจในหน่วยงาน
6.5
การจ่ายเงิน หน่วยงานจะดำเนินการจ่ายเงินให้กับผู้รับจ้างตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา
เช่น การโอนเงินผ่านธนาคาร เช็ค หรือวิธีการอื่น ๆ ที่ตกลงกัน การจ่ายเงินอาจแบ่งเป็นงวด
ๆ ตามความคืบหน้าของงาน หรือจ่ายเต็มจำนวนหลังจากงานเสร็จสมบูรณ์
6.6
การบันทึกและเก็บรักษาเอกสาร หน่วยงานต้องบันทึกการจ่ายเงินในระบบบัญชีและการเงินของหน่วยงาน
เพื่อความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง เก็บรักษาเอกสารการจ่ายเงินอย่างเป็นระบบ
เช่น รายงานการจ่ายเงิน ใบสั่งจ่าย และใบแจ้งหนี้
6.7
การติดตามและตรวจสอบการจ่ายเงิน หน่วยงานต้องติดตามและตรวจสอบการจ่ายเงินให้แน่ใจว่าการจ่ายเงินเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
การติดตามและตรวจสอบรวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องของการจ่ายเงินและการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา
6.8
การตรวจสอบและประเมินผล หน่วยงานต้องดำเนินการตรวจสอบภายในเพื่อประเมินผลการจ่ายเงินและการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา
การตรวจสอบภายในสามารถช่วยให้พบปัญหาหรือข้อบกพร่องในการจ่ายเงินและดำเนินการแก้ไขให้เหมาะสม
การจ่ายเงินที่เป็นระบบและโปร่งใสจะช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ลดความเสี่ยงในการเกิดการทุจริต
และสามารถควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรมบัญชีกลาง ดูแลและออกระเบียบเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง
กรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลและออกระเบียบเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในประเทศไทย
เพื่อให้การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรม
กรมบัญชีกลางมีหน้าที่และความรับผิดชอบดังนี้
บทบาทและหน้าที่ของกรมบัญชีกลางในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
1.
การกำหนดนโยบายและระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
o กรมบัญชีกลางมีหน้าที่กำหนดนโยบายและออกระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน
o ระเบียบและข้อกำหนดต่าง
ๆ จะต้องสอดคล้องกับกฎหมายและนโยบายของรัฐบาล
2.
การออกคู่มือและแนวทางปฏิบัติ
o จัดทำคู่มือและแนวทางปฏิบัติสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง
o คู่มือและแนวทางปฏิบัติต้องครอบคลุมทุกขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้าง
ตั้งแต่การวางแผน การประกาศ การเชิญชวน การพิจารณาและคัดเลือก การทำสัญญา
การติดตามและตรวจรับ การจ่ายเงิน และการประเมินผล
3.
การกำกับดูแลและติดตามการปฏิบัติตามระเบียบ
o กรมบัญชีกลางมีหน้าที่กำกับดูแลและติดตามการปฏิบัติตามระเบียบและข้อกำหนดที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐ
o การตรวจสอบและติดตามนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่าหน่วยงานภาครัฐดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามข้อกำหนดและมีความโปร่งใส
4.
การอบรมและพัฒนาบุคลากร
o จัดอบรมและพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน
o การอบรมครอบคลุมถึงการปฏิบัติตามระเบียบ
ข้อกำหนด และแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ
5.
การให้คำปรึกษาและคำแนะนำ
o กรมบัญชีกลางมีบทบาทในการให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่หน่วยงานภาครัฐเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง
เพื่อช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น
o การให้คำปรึกษารวมถึงการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
6.
การพัฒนาและปรับปรุงระบบจัดซื้อจัดจ้าง
o พัฒนาระบบและเครื่องมือที่ใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
เช่น ระบบจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการดำเนินงาน
o ปรับปรุงระเบียบและข้อกำหนดให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
7.
การตรวจสอบและประเมินผล
o ดำเนินการตรวจสอบและประเมินผลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามระเบียบและมีประสิทธิภาพ
o ผลการตรวจสอบและประเมินผลจะใช้ในการปรับปรุงกระบวนการและแนวทางปฏิบัติต่อไป
ระเบียบและข้อกำหนดที่กรมบัญชีกลางออกเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
1.
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ
o เป็นระเบียบหลักที่กำหนดข้อกำหนดและขั้นตอนในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
รวมถึงการวางแผน การประกาศ การเชิญชวน การพิจารณา การคัดเลือก การทำสัญญา
และการติดตามตรวจรับ
2.
ประกาศและคำสั่งกรมบัญชีกลาง
o ประกาศและคำสั่งที่ออกโดยกรมบัญชีกลางเพื่อปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อกำหนดที่มีอยู่ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
3.
แนวทางปฏิบัติและคู่มือการจัดซื้อจัดจ้าง
o คู่มือและแนวทางปฏิบัติที่ออกโดยกรมบัญชีกลางเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามอย่างถูกต้องและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
การดำเนินการที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใสของกรมบัญชีกลางในการกำกับดูแลและออกระเบียบเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐจะช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ลดความเสี่ยงในการทุจริต และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ
เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส
และสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง บทบาทและหน้าที่ของ สตง.
ในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณมีดังนี้
บทบาทและหน้าที่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ
1.
การตรวจสอบทางการเงิน (Financial Audit)
o ตรวจสอบงบการเงินของหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้มั่นใจว่ามีการจัดทำบัญชีและรายงานการเงินที่ถูกต้องและโปร่งใส
o ตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางบัญชีและระเบียบการเงินที่เกี่ยวข้อง
2.
การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ
(Compliance Audit)
o ตรวจสอบว่าการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และนโยบายของรัฐบาล
o ตรวจสอบว่ามีการปฏิบัติตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง
3.
การตรวจสอบความคุ้มค่า (Value for Money
Audit)
o ประเมินว่าการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐมีประสิทธิภาพ
ประสิทธิผล และประหยัด
o วิเคราะห์ว่าหน่วยงานภาครัฐมีการจัดสรรและใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและคุ้มค่า
4.
การตรวจสอบการดำเนินงาน (Performance Audit)
o ตรวจสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
o ประเมินผลลัพธ์และผลกระทบของโครงการหรือกิจกรรมที่ใช้เงินงบประมาณ
5.
การตรวจสอบการทุจริตและการใช้จ่ายที่ผิดปกติ
(Fraud Audit)
o ตรวจสอบและสืบสวนกรณีที่มีการทุจริต
การใช้จ่ายงบประมาณที่ผิดปกติ หรือการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
o ให้คำแนะนำและดำเนินการเพื่อป้องกันการทุจริตและการใช้จ่ายงบประมาณที่ผิดปกติในอนาคต
กระบวนการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของ
สตง.
1.
การวางแผนการตรวจสอบ
o สตง.
จะจัดทำแผนการตรวจสอบประจำปีที่ระบุหน่วยงานภาครัฐหรือโครงการที่จะตรวจสอบ
o การวางแผนจะพิจารณาความเสี่ยง
ความสำคัญ และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการใช้จ่ายงบประมาณ
2.
การรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน
o สตง.
จะรวบรวมข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น งบการเงิน
เอกสารการใช้จ่าย และรายงานการดำเนินงาน
o การรวบรวมข้อมูลอาจทำผ่านการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่
การตรวจสอบเอกสาร และการตรวจสอบสถานที่ปฏิบัติงาน
3.
การวิเคราะห์และประเมินผล
o สตง.
จะวิเคราะห์และประเมินข้อมูลและหลักฐานที่รวบรวมได้เพื่อตรวจสอบว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามข้อกำหนดและมีประสิทธิภาพ
o การวิเคราะห์จะพิจารณาความถูกต้อง
ความครบถ้วน และความเหมาะสมของการใช้จ่ายงบประมาณ
4.
การจัดทำรายงานการตรวจสอบ
o สตง.
จะจัดทำรายงานการตรวจสอบที่ระบุผลการตรวจสอบ ข้อค้นพบ
และข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงการใช้จ่ายงบประมาณ
o รายงานการตรวจสอบจะส่งไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานกำกับดูแล
5.
การติดตามและประเมินผล
o สตง.
จะติดตามการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐในการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงการใช้จ่ายงบประมาณตามข้อเสนอแนะในรายงานการตรวจสอบ
o การติดตามและประเมินผลจะช่วยให้มั่นใจว่าหน่วยงานภาครัฐได้ดำเนินการปรับปรุงตามข้อเสนอแนะและมีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ผลการตรวจสอบของ สตง.
- การปรับปรุงการใช้จ่ายงบประมาณ
- หน่วยงานภาครัฐจะใช้ผลการตรวจสอบของ สตง.
เพื่อปรับปรุงกระบวนการและแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณ
- การปรับปรุงนี้อาจรวมถึงการแก้ไขข้อบกพร่อง
การปรับปรุงระบบบัญชีและการเงิน และการพัฒนากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
- การป้องกันการทุจริต
- ผลการตรวจสอบของ สตง.
จะช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถป้องกันการทุจริตและการใช้จ่ายงบประมาณที่ผิดปกติ
- การดำเนินการป้องกันอาจรวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบภายในและการพัฒนามาตรการควบคุมภายใน
- การรายงานต่อสาธารณะ
- ผลการตรวจสอบของ สตง.
จะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะเพื่อให้ประชาชนทราบถึงการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ
- การเผยแพร่รายงานการตรวจสอบจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการดำเนินงานของภาครัฐ
การดำเนินงานของ สตง.
ในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้
ทั้งนี้จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาล
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม
และปราศจากการทุจริต ป.ป.ช. มีหน้าที่และความรับผิดชอบดังนี้
บทบาทและหน้าที่ของ ป.ป.ช.
ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
1.
การป้องกันการทุจริต
o ป.ป.ช.
มีบทบาทในการสร้างระบบและกลไกป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น
การออกระเบียบ ข้อกำหนด และแนวทางปฏิบัติที่ช่วยลดโอกาสในการทุจริต
o จัดทำแผนป้องกันการทุจริตในหน่วยงานภาครัฐและส่งเสริมให้หน่วยงานต่าง
ๆ ปฏิบัติตามแผนดังกล่าว
2.
การตรวจสอบและสืบสวน
o ป.ป.ช.
มีอำนาจในการตรวจสอบและสืบสวนกรณีที่มีข้อสงสัยหรือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
o การสืบสวนรวมถึงการรวบรวมหลักฐาน
การสัมภาษณ์พยาน และการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง
3.
การดำเนินคดี
o ป.ป.ช.
มีอำนาจในการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
รวมถึงการส่งฟ้องคดีต่อศาลและการสนับสนุนการดำเนินคดีในศาล
o การดำเนินคดีอาจรวมถึงการฟ้องร้องทางแพ่งหรือทางอาญาเพื่อให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษตามกฎหมาย
4.
การส่งเสริมความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล
o ป.ป.ช.
ส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐต่อสาธารณะเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดโอกาสในการทุจริต
o การเปิดเผยข้อมูลอาจรวมถึงการเผยแพร่รายงานการจัดซื้อจัดจ้างและข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่ใช้จ่ายงบประมาณ
5.
การให้ความรู้และการอบรม
o ป.ป.ช.
จัดอบรมและให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
o การอบรมนี้ครอบคลุมถึงการทำความเข้าใจในระเบียบและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง
และการสร้างจิตสำนึกในการต่อต้านการทุจริต
6.
การรับข้อร้องเรียนและการแจ้งเบาะแส
o ป.ป.ช.
เปิดรับข้อร้องเรียนและการแจ้งเบาะแสจากประชาชนเกี่ยวกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
o การรับข้อร้องเรียนและการแจ้งเบาะแสนี้ช่วยให้
ป.ป.ช. สามารถดำเนินการตรวจสอบและสืบสวนกรณีที่มีข้อสงสัยได้อย่างรวดเร็ว
กระบวนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างของ
ป.ป.ช.
1.
การประเมินความเสี่ยง
o ป.ป.ช.
ดำเนินการประเมินความเสี่ยงในการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ
เพื่อระบุพื้นที่หรือขั้นตอนที่มีความเสี่ยงสูง
o การประเมินความเสี่ยงนี้ใช้ในการกำหนดมาตรการป้องกันและตรวจสอบที่เหมาะสม
2.
การวางแผนการตรวจสอบและสืบสวน
o ป.ป.ช.
จัดทำแผนการตรวจสอบและสืบสวนที่ระบุหน่วยงานหรือโครงการที่จะตรวจสอบ
รวมถึงวิธีการและขั้นตอนในการดำเนินการ
o การวางแผนนี้พิจารณาจากข้อร้องเรียน
ข้อมูลที่ได้รับ และผลการประเมินความเสี่ยง
3.
การตรวจสอบและรวบรวมหลักฐาน
o ป.ป.ช.
ดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่มีข้อสงสัยหรือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
o การตรวจสอบนี้รวมถึงการตรวจสอบเอกสาร
การสัมภาษณ์พยาน และการตรวจสอบสถานที่ปฏิบัติงาน
4.
การสืบสวนและดำเนินคดี
o ป.ป.ช.
ดำเนินการสืบสวนกรณีที่มีข้อบ่งชี้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น
และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
o การดำเนินคดีนี้รวมถึงการส่งฟ้องคดีต่อศาลและการสนับสนุนการดำเนินคดีในศาล
5.
การรายงานผลและการเผยแพร่ข้อมูล
o ป.ป.ช.
จัดทำรายงานผลการตรวจสอบและสืบสวนที่ระบุข้อค้นพบและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้าง
o รายงานผลและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการดำเนินงานของ
ป.ป.ช.
6.
การติดตามและประเมินผล
o ป.ป.ช.
ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
o การติดตามและประเมินผลนี้ช่วยให้มั่นใจว่ามีการดำเนินการตามข้อเสนอแนะและมาตรการป้องกันการทุจริตอย่างมีประสิทธิภาพ
การทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น
- การประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
- ป.ป.ช.
ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างระบบป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
- การประสานงานนี้รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูล
การสนับสนุนทางวิชาการ และการจัดอบรมร่วมกัน
- การสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานอื่น
- ป.ป.ช.
ให้การสนับสนุนทางวิชาการและคำปรึกษาแก่หน่วยงานอื่น ๆ
ที่มีบทบาทในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เช่น กรมบัญชีกลาง
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นต้น
การดำเนินงานของ ป.ป.ช. ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และปราศจากการทุจริต ทั้งนี้จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาล
การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น
พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โปร่งใส และป้องกันการทุจริต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น