วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทางภาครัฐภายในประเทศไทย

การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในประเทศไทยมีขั้นตอนและกระบวนการที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่กำหนดไว้ เพื่อความโปร่งใสและความยุติธรรมในการใช้จ่ายเงินภาครัฐ โดยกระบวนการหลัก ๆ มีดังนี้

1.      การวางแผนการจัดซื้อจัดจ้าง หน่วยงานภาครัฐต้องวางแผนการจัดซื้อจัดจ้างล่วงหน้า โดยกำหนดสิ่งที่ต้องการซื้อหรือจ้าง การประมาณราคา และระยะเวลาที่ต้องการ

การวางแผนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตอบสนองความต้องการของหน่วยงานรัฐอย่างเหมาะสม โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

1.1        การระบุความต้องการ หน่วยงานต้องระบุสิ่งที่ต้องการซื้อหรือจ้างให้ชัดเจน รวมถึงปริมาณและคุณภาพที่ต้องการศึกษาความต้องการจากผู้ใช้งานภายในหน่วยงาน และวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน

1.2        การวิเคราะห์และกำหนดคุณลักษณะ กำหนดคุณลักษณะของสินค้าหรือบริการที่ต้องการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น คุณภาพ ข้อกำหนดทางเทคนิค  (TOR) และคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ และกำหนดมาตรฐานและเงื่อนไขที่ต้องการเพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างตรงตามความต้องการ

1.3        การประมาณราคา ศึกษาราคาตลาดและเปรียบเทียบราคาจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อประมาณราคาเบื้องต้น ใช้ข้อมูลจากการศึกษาความเป็นไปได้และการสำรวจราคาตลาดเพื่อกำหนดงบประมาณที่เหมาะสม

1.4        การกำหนดแผนการจัดซื้อจัดจ้าง จัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีหรือรายไตรมาส โดยระบุรายการที่จะจัดซื้อจัดจ้าง ช่วงเวลาที่จะดำเนินการ และงบประมาณที่คาดว่าจะใช้ จัดลำดับความสำคัญของการจัดซื้อจัดจ้างตามความจำเป็นและความสำคัญของงาน

1.5        การตรวจสอบและอนุมัติแผน ส่งแผนการจัดซื้อจัดจ้างให้ผู้บริหารหรือคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณาและอนุมัติ,ตรวจสอบแผนเพื่อให้แน่ใจว่าครอบคลุมความต้องการทั้งหมดและสอดคล้องกับนโยบายและระเบียบที่กำหนด

1.6        การจัดทำเอกสารและการบันทึกข้อมูล จัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนการจัดซื้อจัดจ้าง เช่น รายละเอียดความต้องการ เอกสารประมาณราคา และเอกสารแผนการจัดซื้อจัดจ้าง บันทึกข้อมูลการวางแผนในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อความโปร่งใสและการติดตามผลในภายหลัง

1.7        การประชาสัมพันธ์แผน ประชาสัมพันธ์แผนการจัดซื้อจัดจ้างให้กับหน่วยงานภายในและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทราบถึงความต้องการและการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในอนาคต

การวางแผนการจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีระบบและมีการตรวจสอบที่ดี จะช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐมีความโปร่งใสและประสิทธิภาพสูงสุด.

2.            การประกาศและการเชิญชวน  เมื่อได้รับการอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้าง หน่วยงานจะต้องประกาศรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้างผ่านสื่อที่กำหนด เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมประมูลหรือเสนอราคาได้ การประกาศและการเชิญชวนในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม โดยกระบวนการหลักมีดังนี้

2.1      การจัดทำประกาศ หน่วยงานต้องจัดทำประกาศรายละเอียดการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่สำคัญ เช่น รายละเอียดของสิ่งที่จะจัดซื้อหรือจ้าง เงื่อนไขการเข้าร่วม การยื่นข้อเสนอ ราคาและงบประมาณที่ตั้งไว้ รวมถึงเกณฑ์การคัดเลือก ประกาศต้องมีความชัดเจนและครบถ้วน เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าใจและเตรียมเอกสารได้ถูกต้อง

2.2      การเผยแพร่ประกาศ หน่วยงานจะต้องเผยแพร่ประกาศผ่านช่องทางที่กำหนดโดยกฎหมาย เช่น เว็บไซต์ของหน่วยงาน เว็บไซต์จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) หนังสือพิมพ์ และสื่อมวลชนอื่น ๆ ประกาศต้องเผยแพร่ในเวลาที่เหมาะสม โดยต้องให้เวลาเพียงพอสำหรับผู้ที่สนใจในการเตรียมเอกสารและข้อเสนอ

2.3      การเชิญชวนผู้เสนอราคา หน่วยงานอาจทำการเชิญชวนผู้เสนอราคาหรือผู้รับจ้างที่มีความสามารถและประสบการณ์ตรงกับงานที่ต้องการ การเชิญชวนสามารถทำได้ผ่านทางจดหมายหรืออีเมลถึงผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเบื้องต้น

2.4      การจัดเตรียมและแจกเอกสารการประกวดราคา หน่วยงานต้องจัดเตรียมเอกสารการประกวดราคาหรือเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างที่ครบถ้วนและชัดเจน เช่น เอกสารรายละเอียดงาน (TOR) แบบฟอร์มการยื่นข้อเสนอ และเงื่อนไขการประมูล แจกจ่ายเอกสารให้กับผู้ที่สนใจหรือผู้ที่ได้รับการเชิญชวน โดยอาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับเอกสาร

2.5      การประชุมชี้แจง (ถ้ามี) หน่วยงานอาจจัดการประชุมชี้แจงรายละเอียดและเงื่อนไขของการจัดซื้อจัดจ้างกับผู้ที่สนใจเข้าร่วม เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ในการประชุมชี้แจง ผู้เข้าร่วมสามารถสอบถามและรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง

2.6      การตอบข้อซักถามและชี้แจงเพิ่มเติม หากมีผู้เสนอราคาสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกาศหรือเอกสารการจัดซื้อจัดจ้าง หน่วยงานต้องตอบข้อซักถามและชี้แจงเพิ่มเติมให้ชัดเจน หน่วยงานต้องบันทึกข้อซักถามและคำชี้แจงไว้เป็นหลักฐาน เพื่อความโปร่งใสและการตรวจสอบในภายหลัง

2.7      การขยายระยะเวลาการเสนอราคา (ถ้ามี) หากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือมีการชี้แจงเพิ่มเติมที่อาจส่งผลต่อการเตรียมข้อเสนอ หน่วยงานอาจพิจารณาขยายระยะเวลาการยื่นข้อเสนอ เพื่อให้ผู้เสนอราคามีเวลาเพียงพอในการเตรียมเอกสาร

2.8      การยื่นข้อเสนอ ผู้สนใจเข้าร่วมการจัดซื้อจัดจ้างต้องยื่นข้อเสนอภายในเวลาที่กำหนด โดยการยื่นข้อเสนออาจทำได้ทางอิเล็กทรอนิกส์หรือส่งเอกสารทางไปรษณีย์ตามที่ประกาศระบุ

2.9      การเปิดข้อเสนอและพิจารณา หลังจากปิดรับข้อเสนอ หน่วยงานจะดำเนินการเปิดข้อเสนอและพิจารณาตามเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศ การเปิดข้อเสนอและการพิจารณาต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสและยุติธรรม โดยมีการบันทึกขั้นตอนและผลการพิจารณาอย่างเป็นระบบ

การประกาศและการเชิญชวนที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใสเป็นส่วนสำคัญในการรับรองว่าการจัดซื้อจัดจ้างจะเป็นไปอย่างยุติธรรมและสามารถคัดเลือกผู้เสนอราคาที่มีคุณภาพและความสามารถตรงตามความต้องการของหน่วยงานภาครัฐส่วนบนของฟอร์มส่วนล่างของฟอร์ม

3.      การพิจารณาและการคัดเลือก  หน่วยงานจะพิจารณาและคัดเลือกผู้ที่เสนอราคาหรือบริการที่เหมาะสมที่สุดตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยการประมูลหรือการคัดเลือกสามารถทำได้หลายวิธี เช่น การประมูลด้วยราคาต่ำสุด การประกวดราคา การประมูลอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ การพิจารณาและการคัดเลือกในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ผู้เสนอราคาหรือผู้รับจ้างที่มีคุณภาพและมีความสามารถตามที่ต้องการ โดยกระบวนการหลักมีดังนี้

3.1      การตรวจสอบคุณสมบัติและความครบถ้วนของเอกสาร หลังจากปิดรับข้อเสนอ หน่วยงานจะตรวจสอบความครบถ้วนของเอกสารที่ผู้เสนอราคายื่นมา เช่น หนังสือรับรองการจดทะเบียนบริษัท ใบอนุญาตประกอบกิจการ และเอกสารอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ในประกาศ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เสนอราคาตามเงื่อนไขที่ระบุในเอกสารประกวดราคา (TOR) เช่น ความสามารถทางการเงิน ประสบการณ์การทำงาน และความสามารถทางเทคนิค

3.2      การพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิค คณะกรรมการจะพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิคของผู้เสนอราคาทุกราย โดยเปรียบเทียบกับข้อกำหนดในเอกสารประกวดราคา (TOR) ข้อเสนอที่ได้รับการพิจารณาต้องมีคุณสมบัติตรงตามหรือสูงกว่าข้อกำหนดที่ระบุไว้ หากข้อเสนอใดไม่ตรงตามข้อกำหนดจะถูกตัดสิทธิ์

3.3      การพิจารณาข้อเสนอทางการเงิน ข้อเสนอทางการเงินจะถูกพิจารณาหลังจากข้อเสนอทางเทคนิคได้รับการตรวจสอบและอนุมัติแล้ว หน่วยงานจะเปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขทางการเงินของผู้เสนอราคาทุกราย โดยเลือกข้อเสนอที่มีราคาที่ดีที่สุดและตรงตามงบประมาณที่กำหนดไว้ การพิจารณาราคาจะคำนึงถึงความคุ้มค่าและความสามารถในการดำเนินงาน ไม่ใช่เพียงแค่ราคาต่ำสุด

3.4      การจัดทำคะแนนและจัดอันดับ คณะกรรมการจะให้คะแนนข้อเสนอแต่ละรายการตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่น คะแนนทางเทคนิค คะแนนทางการเงิน และคะแนนเพิ่มเติม (ถ้ามี) คะแนนรวมของแต่ละข้อเสนอจะถูกจัดลำดับตามลำดับคะแนนสูงสุดไปต่ำสุด

3.5      การตรวจสอบและการพิจารณาเพิ่มเติม (ถ้ามี) หน่วยงานอาจทำการตรวจสอบเพิ่มเติมหรือนัดสัมภาษณ์ผู้เสนอราคาที่มีคะแนนสูงสุด เพื่อให้แน่ใจว่ามีความสามารถและความเข้าใจในงานที่ต้องการ การตรวจสอบเพิ่มเติมอาจรวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ยื่นมา การตรวจสอบสถานที่ทำงาน หรือการตรวจสอบประวัติการทำงานที่ผ่านมา

3.6      การตัดสินใจและการประกาศผล คณะกรรมการจะตัดสินใจเลือกผู้เสนอราคาที่ได้รับคะแนนรวมสูงสุดและตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด ประกาศผลการคัดเลือกผู้ชนะการประกวดราคาอย่างเป็นทางการ โดยระบุรายละเอียดของผู้ชนะและเหตุผลในการคัดเลือก การประกาศผลจะถูกเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของหน่วยงาน เว็บไซต์จัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) และสื่อมวลชนอื่น ๆ

3.7      การทำสัญญา หน่วยงานจะทำสัญญากับผู้ชนะการประกวดราคาตามเงื่อนไขที่ตกลงกัน ในสัญญาจะต้องระบุรายละเอียดของสิ่งที่จัดซื้อจัดจ้าง ข้อกำหนดและเงื่อนไขต่าง ๆ รวมถึงระยะเวลาการดำเนินงาน

3.8      การตรวจสอบและการอุทธรณ์ (ถ้ามี) ผู้เสนอราคาที่ไม่พอใจผลการคัดเลือกสามารถยื่นคำร้องขออุทธรณ์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หน่วยงานต้องตรวจสอบและพิจารณาคำร้องอุทธรณ์อย่างเป็นธรรมและโปร่งใส

การพิจารณาและการคัดเลือกที่เป็นธรรมและโปร่งใสจะช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถคัดเลือกผู้เสนอราคาที่มีคุณภาพและความสามารถตรงตามความต้องการของหน่วยงานได้อย่างเหมาะสม.

4.            การทำสัญญา  หลังจากการคัดเลือก หน่วยงานจะทำสัญญากับผู้ที่ได้รับคัดเลือก โดยในสัญญาจะต้องระบุรายละเอียดของสิ่งที่จัดซื้อจัดจ้าง ข้อกำหนด และเงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตาม

การทำสัญญาในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องมีความชัดเจนและโปร่งใส เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามที่ตกลงกัน โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้

4.1      การเตรียมสัญญา หน่วยงานจะต้องจัดทำร่างสัญญาที่มีรายละเอียดครบถ้วนและสอดคล้องกับข้อเสนอที่ได้รับการคัดเลือก ร่างสัญญาจะต้องครอบคลุมถึงรายละเอียดงาน (TOR) เงื่อนไขการดำเนินงาน ข้อกำหนดทางเทคนิค ราคาที่ตกลงกัน ระยะเวลาการส่งมอบ และเงื่อนไขการชำระเงิน

4.2      การตรวจสอบและอนุมัติร่างสัญญา ร่างสัญญาต้องได้รับการตรวจสอบจากฝ่ายกฎหมายหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้แน่ใจว่ามีความถูกต้องและสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ร่างสัญญาจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจภายในหน่วยงาน

4.3      การเจรจาสัญญา (ถ้ามี) หน่วยงานอาจทำการเจรจากับผู้เสนอราคาที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อปรับปรุงหรือแก้ไขบางส่วนของร่างสัญญา การเจรจาต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสและยุติธรรม โดยมีการบันทึกการเจรจาเป็นหลักฐาน

4.4      การลงนามในสัญญา หลังจากร่างสัญญาได้รับการอนุมัติและตกลงกันเรียบร้อยแล้ว หน่วยงานและผู้เสนอราคาที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องลงนามในสัญญา การลงนามในสัญญาต้องมีพยานและการบันทึกวันที่ลงนามอย่างชัดเจน

4.5      การประกันสัญญา (ถ้ามี) ผู้เสนอราคาที่ได้รับการคัดเลือกอาจต้องจัดหาหลักประกันสัญญาตามที่ระบุในสัญญา เช่น เงินประกันสัญญา หรือหนังสือค้ำประกันจากธนาคาร หลักประกันสัญญามีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองหน่วยงานในกรณีที่ผู้เสนอราคาผิดสัญญาหรือไม่สามารถดำเนินงานตามที่ตกลงกัน

4.6      การเผยแพร่สัญญา หน่วยงานต้องเผยแพร่สัญญาที่ทำขึ้นให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทราบ สัญญาที่ลงนามแล้วจะต้องเก็บรักษาอย่างเป็นระเบียบและสามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง

4.7      การดำเนินงานตามสัญญา ผู้รับจ้างต้องดำเนินงานตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา รวมถึงการส่งมอบงานตามระยะเวลาที่กำหนด หน่วยงานต้องติดตามและตรวจสอบการดำเนินงานของผู้รับจ้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้รับจ้างปฏิบัติตามสัญญา

4.8      การแก้ไขสัญญา (ถ้ามี) หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขสัญญา หน่วยงานและผู้รับจ้างต้องเจรจาและตกลงการแก้ไขอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร การแก้ไขสัญญาต้องได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจและบันทึกการแก้ไขอย่างเป็นทางการ

4.9      การตรวจรับและการชำระเงิน หน่วยงานต้องตรวจรับงานที่ผู้รับจ้างส่งมอบเพื่อให้แน่ใจว่างานตรงตามข้อกำหนดในสัญญา การชำระเงินจะดำเนินการตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา โดยอาจแบ่งการชำระเงินเป็นงวด ๆ ตามความคืบหน้าของงาน

4.10  การปิดสัญญา หลังจากงานทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์และตรวจรับเรียบร้อย หน่วยงานต้องดำเนินการปิดสัญญาอย่างเป็นทางการ การปิดสัญญารวมถึงการคืนหลักประกันสัญญา (ถ้ามี) และการบันทึกผลการดำเนินงานในระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

การทำสัญญาที่เป็นระบบและโปร่งใสจะช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการผิดสัญญาและสามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง

5.      การติดตามและการตรวจรับ เมื่อได้รับสินค้าหรือบริการ หน่วยงานจะต้องตรวจรับและตรวจสอบความถูกต้องตามสัญญาที่ได้ทำไว้

การติดตามและการตรวจรับในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจว่าสินค้าหรือบริการที่ได้รับตรงตามข้อกำหนดในสัญญา และการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการนี้ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้

การติดตามงาน

·       การกำหนดผู้รับผิดชอบการติดตามงาน หน่วยงานต้องกำหนดเจ้าหน้าที่หรือคณะทำงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงาน ผู้รับผิดชอบต้องมีความรู้ความเข้าใจในรายละเอียดงานที่ระบุในสัญญาและข้อกำหนดต่าง ๆ

·       การวางแผนการติดตามงาน จัดทำแผนการติดตามงานที่ระบุระยะเวลาและขั้นตอนการตรวจสอบความคืบหน้าของงาน แผนการติดตามต้องสอดคล้องกับระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา

·       การติดตามความคืบหน้าของงาน  ผู้รับผิดชอบต้องตรวจสอบและติดตามความคืบหน้าของงานอย่างต่อเนื่อง โดยอาจทำการตรวจสอบสถานที่ทำงานจริงหรือการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง การติดตามความคืบหน้าอาจใช้การรายงานความคืบหน้าจากผู้รับจ้างหรือการประชุมติดตามงาน

·       การประเมินผลการดำเนินงาน ประเมินผลการดำเนินงานของผู้รับจ้างเทียบกับข้อกำหนดในสัญญาและแผนการดำเนินงานที่ตกลงกัน หากพบว่ามีปัญหาหรือความล่าช้าในการดำเนินงาน ผู้รับผิดชอบต้องแจ้งให้ผู้รับจ้างทราบและดำเนินการแก้ไข

การตรวจรับงาน

·       การจัดทำแผนการตรวจรับงาน จัดทำแผนการตรวจรับงานที่ระบุขั้นตอนและเกณฑ์การตรวจรับ แผนการตรวจรับต้องครอบคลุมทุกขั้นตอนของการดำเนินงานและเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา

·       การจัดเตรียมคณะกรรมการตรวจรับ  แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับที่ประกอบด้วยผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญในงานที่ต้องตรวจรับ คณะกรรมการตรวจรับต้องเป็นกลางและมีความโปร่งใสในการดำเนินงาน

·       การตรวจรับงานเบื้องต้น  คณะกรรมการตรวจรับต้องทำการตรวจรับงานเบื้องต้นเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและความสมบูรณ์ของงานที่ผู้รับจ้างส่งมอบ ตรวจสอบว่าการดำเนินงานตรงตามข้อกำหนดทางเทคนิค คุณภาพ และปริมาณที่ระบุในสัญญา

·       การทดสอบและการประเมินคุณภาพ หากจำเป็น คณะกรรมการตรวจรับอาจทำการทดสอบและประเมินคุณภาพของสินค้าหรือบริการที่ส่งมอบ การทดสอบต้องดำเนินการตามมาตรฐานที่ระบุในสัญญาและมีการบันทึกผลการทดสอบเป็นหลักฐาน

·       การแก้ไขข้อผิดพลาด (ถ้ามี)  หากพบข้อผิดพลาดหรือความไม่สมบูรณ์ในงานที่ส่งมอบ คณะกรรมการตรวจรับต้องแจ้งให้ผู้รับจ้างทราบและดำเนินการแก้ไข กำหนดระยะเวลาในการแก้ไขและทำการตรวจรับงานใหม่หลังจากที่ผู้รับจ้างดำเนินการแก้ไขแล้ว

·       การตรวจรับงานสุดท้าย  เมื่อคณะกรรมการตรวจรับเห็นว่างานที่ส่งมอบเป็นไปตามข้อกำหนดทั้งหมดในสัญญา จะดำเนินการตรวจรับงานสุดท้าย การตรวจรับงานสุดท้ายต้องบันทึกเป็นเอกสารตรวจรับงานที่มีการลงนามรับรองจากคณะกรรมการตรวจรับ

·       การอนุมัติการชำระเงิน  เมื่อการตรวจรับงานสุดท้ายเสร็จสิ้นและเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา หน่วยงานจะดำเนินการอนุมัติการชำระเงินตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา การชำระเงินอาจแบ่งเป็นงวด ๆ ตามความคืบหน้าของงานหรือชำระเต็มจำนวนหลังจากงานเสร็จสมบูรณ์

·       การจัดเก็บเอกสาร  เก็บรักษาเอกสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการติดตามและการตรวจรับงานอย่างเป็นระบบ เพื่อความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง เอกสารที่เกี่ยวข้องเช่น รายงานความคืบหน้า เอกสารการตรวจรับงาน และเอกสารการชำระเงิน

การติดตามและการตรวจรับงานอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นไปตามข้อกำหนด ลดความเสี่ยงในการรับสินค้าหรือบริการที่ไม่ตรงตามความต้องการ และสามารถควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

6.      การจ่ายเงิน  หลังจากการตรวจรับเรียบร้อย หน่วยงานจะดำเนินการจ่ายเงินตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลและตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในประเทศไทย ได้แก่

การจ่ายเงินในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและโปร่งใส เพื่อให้มั่นใจว่าการจ่ายเงินเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา และการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการจ่ายเงินมีขั้นตอนดังนี้

การจ่ายเงินในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

6.1      การตรวจสอบเอกสารการขอเบิกเงิน ผู้รับจ้างต้องยื่นเอกสารการขอเบิกเงินตามที่ระบุในสัญญา เช่น ใบแจ้งหนี้ (Invoice) ใบส่งมอบงาน (Delivery Note) และใบตรวจรับงาน (Acceptance Report) หน่วยงานต้องตรวจสอบความถูกต้องและความครบถ้วนของเอกสารการขอเบิกเงิน โดยเปรียบเทียบกับข้อกำหนดในสัญญา

6.2      การตรวจสอบความถูกต้องของการส่งมอบงาน  ตรวจสอบว่าผู้รับจ้างได้ส่งมอบสินค้าหรือบริการตามที่ระบุในสัญญา และมีการตรวจรับงานจากคณะกรรมการตรวจรับเรียบร้อยแล้ว ตรวจสอบว่าเอกสารการตรวจรับงานถูกต้องและเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา

6.3      การจัดทำรายงานการจ่ายเงิน  หน่วยงานต้องจัดทำรายงานการจ่ายเงินที่ระบุรายละเอียดการเบิกจ่าย เช่น จำนวนเงินที่ต้องจ่าย วันที่จ่าย และรายละเอียดของสินค้าหรือบริการที่ได้รับ รายงานการจ่ายเงินต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากผู้มีอำนาจในหน่วยงาน

6.4      การอนุมัติการจ่ายเงิน  หลังจากรายงานการจ่ายเงินได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากผู้มีอำนาจ หน่วยงานจะดำเนินการจัดทำเอกสารการจ่ายเงิน เช่น ใบสั่งจ่าย (Payment Order) และเอกสารทางการเงินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การจ่ายเงินต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บริหารหรือคณะกรรมการที่มีอำนาจในหน่วยงาน

6.5      การจ่ายเงิน หน่วยงานจะดำเนินการจ่ายเงินให้กับผู้รับจ้างตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา เช่น การโอนเงินผ่านธนาคาร เช็ค หรือวิธีการอื่น ๆ ที่ตกลงกัน การจ่ายเงินอาจแบ่งเป็นงวด ๆ ตามความคืบหน้าของงาน หรือจ่ายเต็มจำนวนหลังจากงานเสร็จสมบูรณ์

6.6      การบันทึกและเก็บรักษาเอกสาร  หน่วยงานต้องบันทึกการจ่ายเงินในระบบบัญชีและการเงินของหน่วยงาน เพื่อความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในภายหลัง เก็บรักษาเอกสารการจ่ายเงินอย่างเป็นระบบ เช่น รายงานการจ่ายเงิน ใบสั่งจ่าย และใบแจ้งหนี้

6.7      การติดตามและตรวจสอบการจ่ายเงิน  หน่วยงานต้องติดตามและตรวจสอบการจ่ายเงินให้แน่ใจว่าการจ่ายเงินเป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญาและระเบียบที่เกี่ยวข้อง การติดตามและตรวจสอบรวมถึงการตรวจสอบความถูกต้องของการจ่ายเงินและการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา

6.8      การตรวจสอบและประเมินผล  หน่วยงานต้องดำเนินการตรวจสอบภายในเพื่อประเมินผลการจ่ายเงินและการปฏิบัติตามข้อกำหนดในสัญญา การตรวจสอบภายในสามารถช่วยให้พบปัญหาหรือข้อบกพร่องในการจ่ายเงินและดำเนินการแก้ไขให้เหมาะสม

การจ่ายเงินที่เป็นระบบและโปร่งใสจะช่วยให้การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการเกิดการทุจริต และสามารถควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กรมบัญชีกลาง ดูแลและออกระเบียบเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง

กรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลและออกระเบียบเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐในประเทศไทย เพื่อให้การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเป็นธรรม กรมบัญชีกลางมีหน้าที่และความรับผิดชอบดังนี้

บทบาทและหน้าที่ของกรมบัญชีกลางในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

1.         การกำหนดนโยบายและระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

o   กรมบัญชีกลางมีหน้าที่กำหนดนโยบายและออกระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามอย่างเป็นมาตรฐานเดียวกัน

o   ระเบียบและข้อกำหนดต่าง ๆ จะต้องสอดคล้องกับกฎหมายและนโยบายของรัฐบาล

2.         การออกคู่มือและแนวทางปฏิบัติ

o   จัดทำคู่มือและแนวทางปฏิบัติสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง

o   คู่มือและแนวทางปฏิบัติต้องครอบคลุมทุกขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้าง ตั้งแต่การวางแผน การประกาศ การเชิญชวน การพิจารณาและคัดเลือก การทำสัญญา การติดตามและตรวจรับ การจ่ายเงิน และการประเมินผล

3.         การกำกับดูแลและติดตามการปฏิบัติตามระเบียบ

o   กรมบัญชีกลางมีหน้าที่กำกับดูแลและติดตามการปฏิบัติตามระเบียบและข้อกำหนดที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐ

o   การตรวจสอบและติดตามนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่าหน่วยงานภาครัฐดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามข้อกำหนดและมีความโปร่งใส

4.         การอบรมและพัฒนาบุคลากร

o   จัดอบรมและพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน

o   การอบรมครอบคลุมถึงการปฏิบัติตามระเบียบ ข้อกำหนด และแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ

5.         การให้คำปรึกษาและคำแนะนำ

o   กรมบัญชีกลางมีบทบาทในการให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่หน่วยงานภาครัฐเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น

o   การให้คำปรึกษารวมถึงการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง

6.         การพัฒนาและปรับปรุงระบบจัดซื้อจัดจ้าง

o   พัฒนาระบบและเครื่องมือที่ใช้ในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น ระบบจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการดำเนินงาน

o   ปรับปรุงระเบียบและข้อกำหนดให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

7.         การตรวจสอบและประเมินผล

o   ดำเนินการตรวจสอบและประเมินผลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปตามระเบียบและมีประสิทธิภาพ

o   ผลการตรวจสอบและประเมินผลจะใช้ในการปรับปรุงกระบวนการและแนวทางปฏิบัติต่อไป

ระเบียบและข้อกำหนดที่กรมบัญชีกลางออกเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ

1.         ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ

o   เป็นระเบียบหลักที่กำหนดข้อกำหนดและขั้นตอนในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ รวมถึงการวางแผน การประกาศ การเชิญชวน การพิจารณา การคัดเลือก การทำสัญญา และการติดตามตรวจรับ

2.         ประกาศและคำสั่งกรมบัญชีกลาง

o   ประกาศและคำสั่งที่ออกโดยกรมบัญชีกลางเพื่อปรับปรุงและเพิ่มเติมข้อกำหนดที่มีอยู่ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

3.         แนวทางปฏิบัติและคู่มือการจัดซื้อจัดจ้าง

o   คู่มือและแนวทางปฏิบัติที่ออกโดยกรมบัญชีกลางเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามอย่างถูกต้องและเป็นมาตรฐานเดียวกัน

การดำเนินการที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใสของกรมบัญชีกลางในการกำกับดูแลและออกระเบียบเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐจะช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงในการทุจริต และเพิ่มความน่าเชื่อถือในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐส่วนบนของฟอร์ม

ส่วนล่างของฟอร์ม

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน  ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ

สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีบทบาทสำคัญในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง บทบาทและหน้าที่ของ สตง. ในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณมีดังนี้

บทบาทและหน้าที่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ

1.         การตรวจสอบทางการเงิน (Financial Audit)

o   ตรวจสอบงบการเงินของหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้มั่นใจว่ามีการจัดทำบัญชีและรายงานการเงินที่ถูกต้องและโปร่งใส

o   ตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางบัญชีและระเบียบการเงินที่เกี่ยวข้อง

2.         การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบ (Compliance Audit)

o   ตรวจสอบว่าการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และนโยบายของรัฐบาล

o   ตรวจสอบว่ามีการปฏิบัติตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง

3.         การตรวจสอบความคุ้มค่า (Value for Money Audit)

o   ประเมินว่าการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และประหยัด

o   วิเคราะห์ว่าหน่วยงานภาครัฐมีการจัดสรรและใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและคุ้มค่า

4.         การตรวจสอบการดำเนินงาน (Performance Audit)

o   ตรวจสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ

o   ประเมินผลลัพธ์และผลกระทบของโครงการหรือกิจกรรมที่ใช้เงินงบประมาณ

5.         การตรวจสอบการทุจริตและการใช้จ่ายที่ผิดปกติ (Fraud Audit)

o   ตรวจสอบและสืบสวนกรณีที่มีการทุจริต การใช้จ่ายงบประมาณที่ผิดปกติ หรือการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด

o   ให้คำแนะนำและดำเนินการเพื่อป้องกันการทุจริตและการใช้จ่ายงบประมาณที่ผิดปกติในอนาคต

กระบวนการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของ สตง.

1.         การวางแผนการตรวจสอบ

o   สตง. จะจัดทำแผนการตรวจสอบประจำปีที่ระบุหน่วยงานภาครัฐหรือโครงการที่จะตรวจสอบ

o   การวางแผนจะพิจารณาความเสี่ยง ความสำคัญ และปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในการใช้จ่ายงบประมาณ

2.         การรวบรวมข้อมูลและหลักฐาน

o   สตง. จะรวบรวมข้อมูลและหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น งบการเงิน เอกสารการใช้จ่าย และรายงานการดำเนินงาน

o   การรวบรวมข้อมูลอาจทำผ่านการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ การตรวจสอบเอกสาร และการตรวจสอบสถานที่ปฏิบัติงาน

3.         การวิเคราะห์และประเมินผล

o   สตง. จะวิเคราะห์และประเมินข้อมูลและหลักฐานที่รวบรวมได้เพื่อตรวจสอบว่าการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปตามข้อกำหนดและมีประสิทธิภาพ

o   การวิเคราะห์จะพิจารณาความถูกต้อง ความครบถ้วน และความเหมาะสมของการใช้จ่ายงบประมาณ

4.         การจัดทำรายงานการตรวจสอบ

o   สตง. จะจัดทำรายงานการตรวจสอบที่ระบุผลการตรวจสอบ ข้อค้นพบ และข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงการใช้จ่ายงบประมาณ

o   รายงานการตรวจสอบจะส่งไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานกำกับดูแล

5.         การติดตามและประเมินผล

o   สตง. จะติดตามการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐในการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงการใช้จ่ายงบประมาณตามข้อเสนอแนะในรายงานการตรวจสอบ

o   การติดตามและประเมินผลจะช่วยให้มั่นใจว่าหน่วยงานภาครัฐได้ดำเนินการปรับปรุงตามข้อเสนอแนะและมีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

การใช้ผลการตรวจสอบของ สตง.

  • การปรับปรุงการใช้จ่ายงบประมาณ
    • หน่วยงานภาครัฐจะใช้ผลการตรวจสอบของ สตง. เพื่อปรับปรุงกระบวนการและแนวทางการใช้จ่ายงบประมาณ
    • การปรับปรุงนี้อาจรวมถึงการแก้ไขข้อบกพร่อง การปรับปรุงระบบบัญชีและการเงิน และการพัฒนากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
  • การป้องกันการทุจริต
    • ผลการตรวจสอบของ สตง. จะช่วยให้หน่วยงานภาครัฐสามารถป้องกันการทุจริตและการใช้จ่ายงบประมาณที่ผิดปกติ
    • การดำเนินการป้องกันอาจรวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบภายในและการพัฒนามาตรการควบคุมภายใน
  • การรายงานต่อสาธารณะ
    • ผลการตรวจสอบของ สตง. จะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะเพื่อให้ประชาชนทราบถึงการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ
    • การเผยแพร่รายงานการตรวจสอบจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการดำเนินงานของภาครัฐ

การดำเนินงานของ สตง. ในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาลส่วนบนของฟอร์ม

ส่วนล่างของฟอร์ม

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และปราศจากการทุจริต ป.ป.ช. มีหน้าที่และความรับผิดชอบดังนี้

บทบาทและหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง

1.         การป้องกันการทุจริต

o   ป.ป.ช. มีบทบาทในการสร้างระบบและกลไกป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เช่น การออกระเบียบ ข้อกำหนด และแนวทางปฏิบัติที่ช่วยลดโอกาสในการทุจริต

o   จัดทำแผนป้องกันการทุจริตในหน่วยงานภาครัฐและส่งเสริมให้หน่วยงานต่าง ๆ ปฏิบัติตามแผนดังกล่าว

2.         การตรวจสอบและสืบสวน

o   ป.ป.ช. มีอำนาจในการตรวจสอบและสืบสวนกรณีที่มีข้อสงสัยหรือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง

o   การสืบสวนรวมถึงการรวบรวมหลักฐาน การสัมภาษณ์พยาน และการตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง

3.         การดำเนินคดี

o   ป.ป.ช. มีอำนาจในการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการส่งฟ้องคดีต่อศาลและการสนับสนุนการดำเนินคดีในศาล

o   การดำเนินคดีอาจรวมถึงการฟ้องร้องทางแพ่งหรือทางอาญาเพื่อให้ผู้กระทำความผิดได้รับโทษตามกฎหมาย

4.         การส่งเสริมความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล

o   ป.ป.ช. ส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐต่อสาธารณะเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดโอกาสในการทุจริต

o   การเปิดเผยข้อมูลอาจรวมถึงการเผยแพร่รายงานการจัดซื้อจัดจ้างและข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่ใช้จ่ายงบประมาณ

5.         การให้ความรู้และการอบรม

o   ป.ป.ช. จัดอบรมและให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ภาครัฐและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง

o   การอบรมนี้ครอบคลุมถึงการทำความเข้าใจในระเบียบและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง และการสร้างจิตสำนึกในการต่อต้านการทุจริต

6.         การรับข้อร้องเรียนและการแจ้งเบาะแส

o   ป.ป.ช. เปิดรับข้อร้องเรียนและการแจ้งเบาะแสจากประชาชนเกี่ยวกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง

o   การรับข้อร้องเรียนและการแจ้งเบาะแสนี้ช่วยให้ ป.ป.ช. สามารถดำเนินการตรวจสอบและสืบสวนกรณีที่มีข้อสงสัยได้อย่างรวดเร็ว

กระบวนการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างของ ป.ป.ช.

1.         การประเมินความเสี่ยง

o   ป.ป.ช. ดำเนินการประเมินความเสี่ยงในการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อระบุพื้นที่หรือขั้นตอนที่มีความเสี่ยงสูง

o   การประเมินความเสี่ยงนี้ใช้ในการกำหนดมาตรการป้องกันและตรวจสอบที่เหมาะสม

2.         การวางแผนการตรวจสอบและสืบสวน

o   ป.ป.ช. จัดทำแผนการตรวจสอบและสืบสวนที่ระบุหน่วยงานหรือโครงการที่จะตรวจสอบ รวมถึงวิธีการและขั้นตอนในการดำเนินการ

o   การวางแผนนี้พิจารณาจากข้อร้องเรียน ข้อมูลที่ได้รับ และผลการประเมินความเสี่ยง

3.         การตรวจสอบและรวบรวมหลักฐาน

o   ป.ป.ช. ดำเนินการตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่มีข้อสงสัยหรือข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง

o   การตรวจสอบนี้รวมถึงการตรวจสอบเอกสาร การสัมภาษณ์พยาน และการตรวจสอบสถานที่ปฏิบัติงาน

4.         การสืบสวนและดำเนินคดี

o   ป.ป.ช. ดำเนินการสืบสวนกรณีที่มีข้อบ่งชี้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น และดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด

o   การดำเนินคดีนี้รวมถึงการส่งฟ้องคดีต่อศาลและการสนับสนุนการดำเนินคดีในศาล

5.         การรายงานผลและการเผยแพร่ข้อมูล

o   ป.ป.ช. จัดทำรายงานผลการตรวจสอบและสืบสวนที่ระบุข้อค้นพบและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการจัดซื้อจัดจ้าง

o   รายงานผลและข้อมูลที่เกี่ยวข้องจะถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการดำเนินงานของ ป.ป.ช.

6.         การติดตามและประเมินผล

o   ป.ป.ช. ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง

o   การติดตามและประเมินผลนี้ช่วยให้มั่นใจว่ามีการดำเนินการตามข้อเสนอแนะและมาตรการป้องกันการทุจริตอย่างมีประสิทธิภาพ

การทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น

  • การประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
    • ป.ป.ช. ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อเสริมสร้างระบบป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้าง
    • การประสานงานนี้รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูล การสนับสนุนทางวิชาการ และการจัดอบรมร่วมกัน
  • การสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยงานอื่น
    • ป.ป.ช. ให้การสนับสนุนทางวิชาการและคำปรึกษาแก่หน่วยงานอื่น ๆ ที่มีบทบาทในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เช่น กรมบัญชีกลาง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นต้น

การดำเนินงานของ ป.ป.ช. ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเป็นไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และปราศจากการทุจริต ทั้งนี้จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารจัดการงบประมาณของรัฐบาล

การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และป้องกันการทุจริต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น