โครงสร้างพื้นฐานและระบบที่ใช้ (Infrastructure and Systems) สามารถแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ตามองค์ประกอบและหน้าที่ของแต่ละส่วนในการรองรับการดำเนินงานด้าน
IT ในองค์กร นี่คือรายการ 40 ข้อที่ครอบคลุมส่วนต่าง
ๆ ของโครงสร้างพื้นฐานและระบบ และตัวอย่างโปรแกรมที่เกี่ยวข้อง
1. คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์
(Computer Hardware)
- เซิร์ฟเวอร์ (Servers) ใช้สำหรับการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลขององค์กร
- RAID (Redundant
Array of Independent Disks) ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่รวมฮาร์ดดิสก์หลายลูกเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลและความปลอดภัย
(Redundancy) มีหลายระดับ เช่น RAID 0, RAID 1,
RAID 5, RAID 6
ซึ่งให้การทำงานแตกต่างกันตามลักษณะของการใช้งาน
- คอมพิวเตอร์สำหรับผู้ใช้งาน (User Workstations) อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่พนักงานใช้ในการทำงาน
- อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage Devices) เช่น NAS
(Network-Attached Storage) หรือ SAN (Storage Area
Network)
- Network
Attached Storage (NAS) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย
(Network) และสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากหลายอุปกรณ์ในเครือข่าย
เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่ใช้ร่วมกันในองค์กรหรือในบ้าน เช่น Synology
NAS, QNAP NAS
- Storage Area
Network (SAN) ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลในระดับองค์กรใหญ่
มักใช้กับเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้สามารถจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เช่น การใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์หรือระบบคลาวด์
- External Hard
Drive อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพาที่สามารถเชื่อมต่อผ่านพอร์ต
USB หรือ Thunderbolt ช่วยในการสำรองข้อมูลหรือย้ายข้อมูลจากคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังอีกคอมพิวเตอร์หนึ่งได้สะดวก
- Hard Disk Drive
(HDD) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบจานแม่เหล็ก
ที่ใช้หลักการหมุนของจานข้อมูลและหัวอ่านเพื่อบันทึกและดึงข้อมูลกลับมา
มีขนาดใหญ่และราคาถูก เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่ต้องการพื้นที่มาก เช่น
ไฟล์มัลติมีเดียหรือสำรองข้อมูล
- Solid State
Drive (SSD) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชเมโมรี
ซึ่งไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนที่ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลรวดเร็วกว่า HDD เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่ต้องการการเข้าถึงอย่างรวดเร็ว เช่น
ระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชัน
2. ซอฟต์แวร์ระบบ (System
Software)
- ระบบปฏิบัติการ (Operating Systems) เช่น Windows Server,
Linux, macOS
- ระบบจัดการฐานข้อมูล (Database Management Systems) เช่น MySQL, Oracle,
Microsoft SQL Server
- Web Server เซิร์ฟเวอร์ที่ทำหน้าที่ให้บริการเว็บเพจหรือเว็บไซต์ผ่านโปรโตคอล HTTP
หรือ HTTPS ทำงานร่วมกับเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ในการแสดงผลข้อมูลบนเว็บไซต์
เช่น Apache, Nginx
- File Server เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลและไฟล์ต่าง
ๆ สำหรับผู้ใช้งานในเครือข่าย ช่วยให้การจัดเก็บและแชร์ไฟล์ทำได้ง่ายขึ้น
โดยสามารถเข้าถึงไฟล์ผ่านโปรโตคอลอย่าง SMB หรือ FTP
เช่น Windows Server, Linux Server
- Database Server เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้สำหรับจัดเก็บและบริหารจัดการฐานข้อมูล
ทำหน้าที่ให้บริการข้อมูลแก่แอปพลิเคชันต่าง ๆ โดยใช้โปรแกรมจัดการฐานข้อมูล
เช่น MySQL, Microsoft SQL Server, Oracle Database
- Application Server เซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการแอปพลิเคชันหรือโปรแกรมต่าง
ๆ แก่ผู้ใช้หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ในเครือข่าย
โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้ใช้งานกับฐานข้อมูล เช่น Apache
Tomcat, WebSphere
- Mail Server เซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการส่งและรับอีเมลภายในเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ต
เช่น Microsoft Exchange, Postfix, Zimbra
- DNS Server เซิร์ฟเวอร์ที่ทำหน้าที่แปลงชื่อโดเมน (Domain
Name) เช่น www.example.com ให้เป็นที่อยู่
IP ที่ใช้งานในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เช่น BIND,
Microsoft DNS
- DHCP Server เซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการการแจกจ่ายหมายเลข IP
แก่เครื่องลูกข่ายในเครือข่ายโดยอัตโนมัติ
ซึ่งช่วยให้การจัดการที่อยู่ IP เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
เช่น ISC DHCP, Microsoft DHCP
- Virtual Server เซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานในรูปแบบเสมือน
ซึ่งถูกสร้างขึ้นภายในเครื่องเซิร์ฟเวอร์จริง ๆ โดยการใช้ซอฟต์แวร์จำลอง เช่น
VMware, Hyper-V, KVM
- Print Server เซิร์ฟเวอร์ที่ทำหน้าที่จัดการการพิมพ์จากหลาย
ๆ เครื่องลูกข่าย
โดยเชื่อมต่อกับเครื่องพิมพ์เพียงเครื่องเดียวหรือหลายเครื่องในเครือข่าย
ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งพิมพ์ผ่านเซิร์ฟเวอร์นี้ได้ เช่น CUPS (Common
UNIX Printing System), Windows Print Server
- Backup Server เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้สำหรับการสำรองข้อมูลจากอุปกรณ์ต่าง
ๆ ภายในเครือข่าย ช่วยป้องกันการสูญเสียข้อมูลในกรณีที่ระบบล้มเหลว เช่น Veeam
Backup, Acronis Backup
- FTP Server เซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการรับส่งไฟล์ผ่านโปรโตคอล
FTP (File Transfer Protocol) ทำให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดหรือดาวน์โหลดไฟล์ผ่านเครือข่าย
เช่น vsftpd, FileZilla Server
- Media Server เซิร์ฟเวอร์ที่ทำหน้าที่จัดเก็บและส่งผ่านไฟล์มัลติมีเดีย
เช่น วิดีโอหรือเพลง ให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อในเครือข่าย เช่น Plex
Media Server, Kodi
- Monitoring Server เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ในการตรวจสอบและบันทึกสถานะของระบบและเครือข่าย
ทำหน้าที่ในการรายงานปัญหาและช่วยดูแลให้ระบบทำงานอย่างต่อเนื่อง เช่น Zabbix,
Nagios, SolarWinds
3. ระบบเครือข่าย (Networking
Systems)
- โมเด็ม (Modem) อุปกรณ์ที่แปลงสัญญาณดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณแอนะล็อกเพื่อส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์
หรือแปลงสัญญาณแอนะล็อกกลับเป็นดิจิทัลเพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้
- เราเตอร์ (Routers) อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเครือข่ายหลาย
ๆ เครือข่ายเข้าด้วยกัน
และทำหน้าที่ในการกำหนดเส้นทางการส่งข้อมูลระหว่างเครือข่าย เช่น
การเชื่อมต่อเครือข่ายภายในองค์กรกับอินเทอร์เน็ต
- สวิตช์ (Switches) อุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในเครือข่ายเดียวกัน
เช่น คอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่อง
เพื่อส่งข้อมูลภายในเครือข่ายที่ใช้กันภายในองค์กร
- Hub (ฮับ) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่กระจายสัญญาณข้อมูลไปยังทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่
แต่ไม่มีความสามารถในการเลือกเส้นทางเหมือนกับสวิตช์
จึงเหมาะสำหรับเครือข่ายขนาดเล็กหรือการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน
- Access Point (จุดเชื่อมต่อไร้สาย) อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สาย (เช่น
สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต) เข้ากับเครือข่ายแบบมีสาย
หรือทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างเครือข่ายแบบไร้สายและมีสาย
- ระบบไฟร์วอลล์ (Firewalls) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ควบคุมการเข้าออกของข้อมูลในเครือข่าย
โดยกรองและอนุญาตเฉพาะข้อมูลที่ปลอดภัย
ซึ่งช่วยป้องกันการโจมตีจากภายนอกและการเข้าถึงเครือข่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต
- Network
Interface Card (การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่าง
ๆ เข้ากับเครือข่าย ทำให้สามารถส่งและรับข้อมูลผ่านเครือข่ายได้
- Load Balancer (อุปกรณ์กระจายโหลด) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่กระจายปริมาณข้อมูลที่เข้ามาผ่านเซิร์ฟเวอร์หลายเครื่องเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ลดปัญหาการทำงานหนักเกินไปของเครื่องเดียว
- Proxy Server (พร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการขอข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ต่าง
ๆ โดยช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพของเครือข่าย
- Gateway (เกตเวย์) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสองเครือข่ายที่มีโปรโตคอลหรือสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน
เช่น การเชื่อมต่อเครือข่ายภายในองค์กรกับอินเทอร์เน็ต
โดยทำหน้าที่แปลข้อมูลเพื่อให้สามารถสื่อสารกันได้
- Network
Attached Storage (NAS) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในเครือข่าย
ซึ่งอนุญาตให้หลายเครื่องในเครือข่ายสามารถเข้าถึงและจัดเก็บข้อมูลร่วมกันได้
ช่วยให้การแชร์ข้อมูลภายในองค์กรทำได้ง่ายขึ้น
- Repeater (รีพีทเตอร์) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ขยายสัญญาณเครือข่ายในกรณีที่ต้องส่งข้อมูลในระยะทางไกล
ๆ ซึ่งอาจทำให้สัญญาณอ่อนลง
ช่วยเพิ่มความแรงของสัญญาณและป้องกันการสูญเสียข้อมูล
- Multilayer
Switch อุปกรณ์เครือข่ายที่ทำหน้าที่รวมคุณสมบัติของสวิตช์ (Switch)
และเราเตอร์ (Router) เข้าด้วยกัน
ทำให้สามารถสลับการส่งข้อมูลได้ทั้งในระดับเลเยอร์ 2 (Data Link
Layer) และเลเยอร์ 3 (Network Layer) ของ
OSI Model
- Wireless
Controller อุปกรณ์ที่ใช้จัดการการทำงานของ Access
Point หลาย ๆ ตัวในเครือข่ายไร้สาย
ช่วยในการควบคุมและปรับแต่งการตั้งค่าทั้งหมดของ Access Point ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย
- Network Time
Server อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่จัดการเวลาของระบบเครือข่ายทั้งหมด
ให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ทุกตัวในเครือข่ายมีเวลาที่ตรงกัน
ซึ่งสำคัญต่อการซิงโครไนซ์และจัดการเครือข่ายในองค์กร
- Patch Panel อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางสำหรับการเชื่อมต่อสายเคเบิลเครือข่าย
ทำให้สามารถจัดการและจัดระเบียบสายเคเบิลได้ง่าย
และช่วยในการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อเครือข่ายภายในองค์กรได้สะดวกยิ่งขึ้น
- Media Converter อุปกรณ์ที่ใช้แปลงสัญญาณจากสื่อประเภทหนึ่งไปยังสื่ออีกประเภทหนึ่ง
เช่น แปลงสัญญาณไฟฟ้าของสายทองแดง (Copper Cable) ให้เป็นสัญญาณแสงในสายใยแก้วนำแสง
(Fiber Optic)
4. ระบบความปลอดภัย (Security
Systems)
- Unified Threat
Management (UTM) อุปกรณ์ที่รวมฟังก์ชันของไฟร์วอลล์, ระบบป้องกันไวรัส, และการตรวจจับการบุกรุกเข้าไว้ด้วยกัน
เพื่อให้การป้องกันเครือข่ายมีความครอบคลุมและสะดวกในการบริหารจัดการ
- Intrusion
Detection System (IDS) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบและวิเคราะห์การจราจรในเครือข่าย
เพื่อตรวจจับกิจกรรมที่อาจเป็นการบุกรุกหรือโจมตีเครือข่าย
ช่วยในการแจ้งเตือนเมื่อมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัย
- Intrusion
Prevention System (IPS) อุปกรณ์ที่ทำงานร่วมกับ IDS โดยนอกจากจะตรวจจับการบุกรุกแล้วยังสามารถป้องกันหรือตัดการเชื่อมต่อที่มีความเสี่ยงออกจากเครือข่ายได้โดยอัตโนมัติ
- Demilitarized
Zone (DMZ) พื้นที่ในเครือข่ายที่จัดตั้งขึ้นเพื่อแยกอุปกรณ์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่เปิดให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตออกจากเครือข่ายภายใน
โดยใช้ไฟร์วอลล์เพื่อควบคุมการเข้าออกของข้อมูลระหว่างอินเทอร์เน็ตและ DMZ
- ระบบการจัดการสิทธิ์การเข้าถึง (Access Control Systems) เช่น Active
Directory หรือ LDAP
- Next-Generation
Firewall ขระบบป้องกันความปลอดภัยท
- างอินเตอร์เน็ตขององค์กร
เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรคุณจากไวรัสหรือการเรียกค่าไถ่
- VPN
Concentrator (อุปกรณ์รวมสัญญาณ VPN) อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการจัดการและควบคุมการเชื่อมต่อ
VPN หลาย ๆ การเชื่อมต่อพร้อมกัน
ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานจากระยะไกลสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายภายในได้อย่างปลอดภัย
- Bandwidth
Manager (ตัวจัดการแบนด์วิดท์) อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่จัดการและควบคุมการใช้แบนด์วิดท์ในเครือข่าย
โดยช่วยปรับการจราจรในเครือข่ายให้เหมาะสมและป้องกันการใช้แบนด์วิดท์เกินขีดจำกัด
5. โครงข่ายการสื่อสาร (Communication
Infrastructure)
- WAN , LAN ,
Fiber Optic , MPLS , Gigabit Network , Lease Line , Frame Relay , Dark
Fiber
- อินเทอร์เน็ต (Internet) อินทราเน็ต (Intranet) เอ็กซ์ทราเน็ต(Extranet)
- ระบบโครงข่ายสื่อสารแบบไร้สาย Wireless , 4G/LTE , 5G ,
Bluetooth , BLE , LoRa , IP Microwave
- ระบบรับ-ส่งสัญญาณดาวเทียม (Satellite Communication)
- ระบบสื่อสารวิทยุ (Trunk Radio)
- Optical Network
Terminal (ONT) อุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณใยแก้วนำแสง (Fiber
Optic) จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตให้เป็นสัญญาณที่ใช้ได้กับเครือข่ายในบ้านหรือออฟฟิศ
เช่น Ethernet หรือ Wi-Fi
6. ระบบคลาวด์ (Cloud
Systems)
- IaaS
(Infrastructure as a Service) เช่น Amazon Web Services (AWS), Microsoft Azure
- PaaS (Platform
as a Service) เช่น Google
Cloud Platform (GCP), Heroku
- SaaS (Software
as a Service) เช่น Microsoft
365, Salesforce
- Cloud VPN & Cloud Internet
7. ระบบสำรองและกู้คืนข้อมูล
(Backup and Recovery Systems)
- ระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติ (Automated Backup Systems) เช่น Veeam, Acronis
- ระบบกู้คืนจากภัยพิบัติ (Disaster Recovery Systems) การวางแผนและระบบเพื่อกู้คืนข้อมูลและระบบเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
8. ระบบการบริหารจัดการ (Management
Systems)
- ระบบจัดการเครือข่าย (Network Management Systems) ระบบที่ใช้ในการติดตามและควบคุมอุปกรณ์เครือข่ายทั้งหมด
เพื่อให้สามารถตรวจสอบสถานะการทำงาน ตรวจพบปัญหา
และแก้ไขปัญหาในเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เช่น Cisco
Prime, SolarWinds
- ระบบจัดการโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Management
Systems) เช่น Microsoft
System Center
9. ระบบการพัฒนาและทดสอบ
(Development and Testing Systems)
- สภาพแวดล้อมการทดสอบ (Testing Environments) ระบบแยกสำหรับการทดสอบการพัฒนาซอฟต์แวร์
- เครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์ (Development Tools) เช่น Git, Jenkins
10. โครงสร้างพื้นฐานของ Data
Center (Data Center Infrastructure)
- ระบบควบคุมอุณหภูมิ (Cooling Systems) ควบคุมอุณหภูมิของ Data
Center
- ระบบจ่ายไฟสำรอง (Power Backup Systems) UPS (Uninterruptible Power Supply) หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
11. ระบบเสมือน (Virtualization
Systems)
- ระบบเสมือนเซิร์ฟเวอร์ (Server Virtualization) เช่น VMware, Hyper-V
- ระบบเสมือนเครือข่าย (Network Virtualization) เช่น Cisco ACI, NSX
12. ระบบจัดการบริการ (Service
Management Systems)
- ระบบ ITSM (IT Service Management) เช่น ServiceNow, Jira Service Management
- ระบบแจ้งปัญหาและติดตาม (Ticketing Systems) เช่น Zendesk,
Freshdesk
13. ระบบจัดการข้อมูลใหญ่
(Big Data Management Systems)
- แพลตฟอร์มการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Processing Platforms) เช่น Hadoop, Spark
- เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics Tools) เช่น Tableau, Power
BI
14. ระบบจัดการการตรวจสอบและรายงาน
(Monitoring and Reporting Systems)
- ระบบตรวจสอบสถานะเซิร์ฟเวอร์และเครือข่าย (Monitoring
Tools) เช่น Nagios,
Zabbix
- ระบบสร้างรายงานอัตโนมัติ (Automated Reporting Systems) เช่น Crystal
Reports, SSRS (SQL Server Reporting Services)
15. ระบบการจัดการเนื้อหา
(Content Management Systems)
- ระบบจัดการเว็บไซต์ (Web Content Management Systems) เช่น WordPress,
Joomla
- ระบบการจัดการเอกสาร (Document Management Systems) เช่น SharePoint,
Alfresco
16. ระบบสำรองไฟและควบคุมไฟฟ้า
(Power and Cooling Systems)
- UPS
(Uninterruptible Power Supply) อุปกรณ์จ่ายไฟสำรองในกรณีที่ไฟฟ้าดับ
- ระบบควบคุมการจ่ายไฟ (Power Distribution Units - PDU) ใช้ในการจัดการและกระจายไฟฟ้าใน
Data Center
17. ระบบจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์
(Cloud Storage Systems)
- ระบบจัดเก็บข้อมูลคลาวด์ (Cloud Storage Solutions) เช่น Google Drive,
Dropbox, AWS S3
18. ระบบการจัดการผู้ใช้งาน
(User Management Systems)
- ระบบจัดการผู้ใช้งานและสิทธิ์การเข้าถึง (Identity and
Access Management - IAM) เช่น Okta, Microsoft Azure Active Directory
- ระบบ Single Sign-On (SSO) เช่น Auth0, OneLogin
19. ระบบการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลการเงิน
(Financial Management Systems)
- ระบบบัญชีและการเงิน (Accounting and Finance Systems) เช่น SAP, QuickBooks
- ระบบวางแผนงบประมาณ (Budgeting and Forecasting Tools) เช่น Adaptive
Insights, Anaplan
20. ระบบอีเมลและการสื่อสาร
(Email and Collaboration Systems)
- ระบบอีเมล (Email Systems) เช่น
Microsoft Exchange, Gmail
- ระบบประชุมออนไลน์และการทำงานร่วมกัน (Collaboration Tools) เช่น Microsoft
Teams, Slack
21. ระบบป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์
(Cybersecurity Systems)
- ระบบป้องกันไวรัสและมัลแวร์ (Antivirus and Anti-Malware
Systems) เช่น McAfee,
Symantec, Bitdefender
- ระบบการตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง (Advanced Threat
Detection Systems) เช่น CrowdStrike, Palo Alto Networks
22. ระบบบริหารจัดการแพลตฟอร์มบนคลาวด์
(Cloud Management Platforms)
- เครื่องมือจัดการทรัพยากรคลาวด์ (Cloud Resource
Management Tools) เช่น AWS Management Console, Google Cloud Console
- ระบบอัตโนมัติในการปรับขนาดและปรับแต่งระบบ (Auto Scaling
and Configuration Tools) เช่น Terraform,
Ansible
23. ระบบจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ
(Business Continuity Management Systems)
- ระบบจำลองเหตุการณ์และการทดสอบความต่อเนื่อง (Business
Continuity Simulation Tools) เช่น DRAAS (Disaster
Recovery as a Service), Zerto
- ระบบจัดการการสำรองข้อมูลระยะไกล (Remote Backup
Management Systems) เช่น Carbonite, Druva
24. ระบบบริหารจัดการบริการจัดส่งซอฟต์แวร์
(Software Deployment and Distribution Systems)
- ระบบจัดการการติดตั้งและอัปเดตซอฟต์แวร์ (Software Update
Management Tools) เช่น SCCM (System Center Configuration Manager), WSUS
(Windows Server Update Services)
- ระบบกระจายซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชัน (Application
Distribution Systems) เช่น Puppet, Chef
25. ระบบจัดการข้อมูลและการป้องกันข้อมูล
(Data Management and Protection Systems)
- ระบบจัดการการสำรองและการกู้คืนข้อมูล (Backup and
Recovery Tools) เช่น Commvault,
Acronis
- ระบบจัดการการปกป้องข้อมูล (Data Loss Prevention - DLP) เช่น Symantec DLP,
Digital Guardian
26. ระบบวิเคราะห์และพยากรณ์
(Predictive Analytics and Machine Learning Systems)
- แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพยากรณ์ (Predictive
Analytics Platforms) เช่น SAS, IBM Watson
- ระบบเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning Systems) เช่น TensorFlow,
PyTorch
27. ระบบการจัดการสินทรัพย์
IT (IT Asset Management Systems)
- เครื่องมือจัดการสินทรัพย์ทาง IT (ITAM - IT Asset Management
Tools) เช่น Lansweeper,
Asset Panda
- ระบบติดตามอายุการใช้งานของอุปกรณ์ IT (Lifecycle
Management Systems) เช่น Ivanti, ServiceNow
28. ระบบการจัดการทรัพยากรมนุษย์
(Human Resource Management Systems - HRMS)
- ระบบจัดการข้อมูลพนักงาน (Employee Management Systems) เช่น Workday,
BambooHR
- ระบบจัดการการประเมินผลและการพัฒนาพนักงาน (Performance and
Talent Management Systems) เช่น SAP
SuccessFactors, Oracle HCM
29. ระบบจัดการการวางแผนการผลิต
(Manufacturing Planning Systems)
- ระบบวางแผนทรัพยากรการผลิต (Manufacturing Resource Planning -
MRP) เช่น Odoo,
Infor M3
- ระบบควบคุมกระบวนการผลิต (Production Control Systems) เช่น Plex, Epicor
30. ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งาน
(User Behavior Analytics Systems)
- ระบบติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ (User Activity
Monitoring Tools) เช่น ObserveIT, Exabeam
- เครื่องมือวิเคราะห์การใช้งานเว็บไซต์ (Web Analytics
Tools) เช่น Google
Analytics, Hotjar
31. ระบบจัดการการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน
(Incident Response Management Systems)
- ระบบจัดการเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย (Security
Incident and Event Management - SIEM) เช่น Splunk,
LogRhythm
- ระบบวิเคราะห์และจัดการภัยคุกคาม (Threat
Intelligence Platforms) เช่น ThreatConnect,
Recorded Future
32. ระบบจัดการเอกสารและเนื้อหาดิจิทัล
(Document and Digital Content Management Systems)
- ระบบจัดการเนื้อหาองค์กร (Enterprise Content Management
Systems - ECM) เช่น M-Files,
OpenText
- ระบบจัดการการเวียนเอกสาร (Document Workflow Systems) เช่น Nintex,
DocuSign
33. ระบบจัดการพลังงานและความเย็นใน
Data Center (Data Center Power and Cooling Management)
- ระบบควบคุมพลังงาน (Power Management Systems) เช่น Schneider
Electric, APC
- ระบบจัดการความเย็น (Cooling Management Systems) เช่น Liebert,
Emerson Network Power
34. ระบบจัดการการส่งอีเมลและสื่อสาร
(Email and Communication Management Systems)
- ระบบจัดการการส่งอีเมลอัตโนมัติ (Email
Automation Tools) เช่น Mailchimp, SendGrid
- ระบบจัดการการประชุมทางไกล (Video Conferencing Systems) เช่น Zoom, WebEx
35. ระบบการจัดการอุปกรณ์เคลื่อนที่
(Mobile Device Management - MDM)
- ระบบบริหารจัดการอุปกรณ์มือถือ (Mobile Device Management Tools) เช่น Microsoft
Intune, AirWatch
- ระบบติดตามและควบคุมการใช้งานอุปกรณ์พกพา (Mobile
Application Management - MAM) เช่น IBM MaaS360,
Citrix Endpoint Management
36. ระบบควบคุมการเข้าถึงข้อมูลและเครือข่าย
(Access Control and Network Authentication Systems)
- ระบบการยืนยันตัวตนสองชั้น (Two-Factor Authentication - 2FA) เช่น Duo Security,
RSA SecurID
- ระบบควบคุมการเข้าถึงเครือข่าย (Network Access Control - NAC) เช่น Cisco ISE,
Aruba ClearPass
37. ระบบการจัดการซัพพลายเชน
(Supply Chain Management Systems - SCM)
- ระบบบริหารจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain Management Software) เช่น SAP SCM, Oracle
SCM
- ระบบจัดการโลจิสติกส์และคลังสินค้า (Logistics and
Warehouse Management Systems) เช่น Manhattan
Associates, JDA
38. ระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร
(Enterprise Resource Planning - ERP)
- ระบบ ERP ที่ครอบคลุมทุกหน่วยงาน (Comprehensive ERP
Systems) เช่น SAP
ERP, Oracle ERP
- ระบบ ERP ที่เน้นธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMB ERP
Systems) เช่น NetSuite,
Odoo
39. ระบบการจำลองและทดสอบทางเทคนิค
(Simulation and Technical Testing Systems)
- เครื่องมือจำลองสถานการณ์ทางเทคนิค (Simulation
Software) เช่น ANSYS,
MATLAB
- ระบบทดสอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน (Application
Performance Testing Tools) เช่น LoadRunner,
JMeter
40. ระบบจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
(Personal Data Management Systems)
- เครื่องมือจัดการข้อมูลตามข้อกำหนด PDPA/GDPR (Data
Privacy Management Tools) เช่น OneTrust,
TrustArc
- ระบบจัดการการยินยอมการใช้งานข้อมูล (Consent
Management Platforms) เช่น Consentmanager.net, Cookiebot
การแบ่งหมวดหมู่เหล่านี้ช่วยเพิ่มมุมมองที่ครอบคลุมและชัดเจนในการจัดการและดูแลโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน
IT ให้มีประสิทธิภาพ