วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567

Operation Technology (OT) หรือ เทคโนโลยีปฏิบัติการ?

Operation Technology (OT) หรือ เทคโนโลยีปฏิบัติการ หมายถึงระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการตรวจสอบและควบคุมการเปลี่ยนแปลงโดยตรงผ่านการติดตามและควบคุมอุปกรณ์ กระบวนการ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในทางกายภาพ ซึ่งมักจะพบในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม และเป็นองค์ประกอบสำคัญในหลาย ๆ ภาคส่วน เช่น การผลิต พลังงาน สาธารณูปโภค การขนส่ง และอื่น ๆ ที่ต้องจัดการกับกระบวนการทางกายภาพ

ลักษณะสำคัญของ OT

1.     การควบคุมแบบเรียลไทม์ หมายถึงการจัดการและควบคุมกระบวนการหรือระบบที่ตอบสนองทันทีหรือในเวลาที่ใกล้เคียงกับเวลาจริง (real-time) เมื่อได้รับข้อมูลหรือคำสั่ง โดยระบบจะทำการปรับปรุงและตอบสนองต่อข้อมูลใหม่ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการที่ควบคุมอยู่จะทำงานอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

ลักษณะสำคัญ

  • การตอบสนองทันที  ระบบจะต้องสามารถรับข้อมูล ประมวลผล และทำการปรับเปลี่ยนได้ทันทีเพื่อรักษาสถานะที่ต้องการหรือป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  • ความแม่นยำและเชื่อถือได้  การควบคุมแบบเรียลไทม์ต้องการความแม่นยำและความเชื่อถือได้สูง เนื่องจากข้อผิดพลาดในการตอบสนองอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการหรือระบบที่ควบคุม
  • การเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์และอุปกรณ์  การควบคุมแบบเรียลไทม์มักจะเชื่อมต่อกับเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบสถานะปัจจุบันและทำการควบคุมตามข้อมูลที่ได้รับ

ตัวอย่าง  ในสายการผลิตอุตสาหกรรม ระบบควบคุมแบบเรียลไทม์อาจใช้เพื่อตรวจสอบและควบคุมความเร็วของสายพานลำเลียง เพื่อให้แน่ใจว่าวัสดุหรือผลิตภัณฑ์ถูกส่งต่อไปยังขั้นตอนถัดไปในเวลาที่เหมาะสม หากเกิดความล่าช้าหรือข้อผิดพลาด ระบบจะปรับความเร็วของสายพานทันทีเพื่อป้องกันการสะสมหรือการหยุดชะงักของกระบวนการผลิต

2.     ระบบควบคุมอุตสาหกรรม (Industrial Control Systems - ICS)

ระบบควบคุมอุตสาหกรรม (Industrial Control Systems - ICS) คือระบบที่ใช้ในการควบคุมและจัดการกระบวนการทางอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงการผลิต การจัดการพลังงาน และการดำเนินงานของโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ โดย ICS จะประกอบด้วยชุดของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกันเพื่อควบคุมกระบวนการทางกายภาพภายในโรงงานหรือสถานที่ทำงาน

องค์ประกอบหลักของ ICS

  • SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition)  ระบบนี้ใช้ในการตรวจสอบและควบคุมกระบวนการจากระยะไกล โดยรวบรวมข้อมูลจากเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อใช้ในการตัดสินใจและควบคุมกระบวนการ
  • DCS (Distributed Control Systems)  ระบบนี้ใช้ในการควบคุมกระบวนการในพื้นที่ที่กระจายตัวออกไป โดยแต่ละส่วนของกระบวนการจะถูกควบคุมโดยระบบย่อยที่ทำงานอย่างอิสระ และเชื่อมต่อกันผ่านเครือข่ายเพื่อการทำงานร่วมกัน
  • PLC (Programmable Logic Controllers)  อุปกรณ์นี้เป็นคอนโทรลเลอร์ที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ ใช้ในการควบคุมกระบวนการทางอุตสาหกรรมเฉพาะทาง เช่น การควบคุมเครื่องจักรหรืออุปกรณ์เฉพาะบางชนิด

ลักษณะสำคัญของ ICS

  • ความน่าเชื่อถือและความแม่นยำ  ระบบ ICS ต้องมีความน่าเชื่อถือและแม่นยำสูง เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงต่อกระบวนการผลิตหรือโครงสร้างพื้นฐาน
  • การทำงานต่อเนื่อง  ระบบ ICS มักต้องทำงานต่อเนื่องตลอดเวลา เพื่อรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของกระบวนการ
  • การรักษาความปลอดภัย  เนื่องจาก ICS มักจะควบคุมกระบวนการที่สำคัญ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจทำให้ระบบหยุดทำงานหรือเกิดความเสียหาย

ตัวอย่าง  ในโรงงานผลิตน้ำมัน ระบบ ICS อาจใช้ในการควบคุมการกลั่นน้ำมัน โดยใช้ PLC ในการควบคุมวาล์วและปั๊มต่าง ๆ และใช้ SCADA ในการตรวจสอบและควบคุมกระบวนการทั้งหมดจากศูนย์ควบคุมระยะไกล หากมีปัญหาในกระบวนการ เช่น อุณหภูมิที่สูงเกินไป ระบบ ICS จะทำการปรับการทำงานของอุปกรณ์ทันทีเพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันความเสียหาย

3.     การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทางกายภาพ

การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทางกายภาพ หมายถึงการที่ระบบเทคโนโลยี เช่น OT (Operation Technology) หรือ ICS (Industrial Control Systems) เชื่อมต่อกับเครื่องจักร อุปกรณ์ หรือเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่ใช้งานในกระบวนการทางกายภาพ โดยข้อมูลจากอุปกรณ์เหล่านี้จะถูกส่งเข้าสู่ระบบเพื่อการตรวจสอบ การควบคุม และการจัดการกระบวนการต่าง ๆ แบบเรียลไทม์

ลักษณะสำคัญของการเชื่อมต่อ

  • การรับข้อมูลจากเซ็นเซอร์  เซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งบนอุปกรณ์จะทำหน้าที่ตรวจจับข้อมูล เช่น อุณหภูมิ ความดัน ระดับของเหลว หรือการสั่นสะเทือน จากนั้นส่งข้อมูลนี้เข้าสู่ระบบเพื่อการประมวลผลและการตัดสินใจ
  • การควบคุมอุปกรณ์ผ่านระบบ  ระบบจะส่งคำสั่งไปยังอุปกรณ์ทางกายภาพ เช่น การเปิด/ปิดวาล์ว ปรับความเร็วของมอเตอร์ หรือหยุดการทำงานของเครื่องจักร เพื่อให้กระบวนการทำงานเป็นไปตามที่ต้องการ
  • การตรวจสอบและบำรุงรักษา  ข้อมูลจากอุปกรณ์ทางกายภาพช่วยในการตรวจสอบสภาพการทำงานและความผิดปกติ ซึ่งสามารถใช้ในการวางแผนการบำรุงรักษาและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้

ตัวอย่าง  ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ทางกายภาพอาจหมายถึงการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของชิ้นส่วนในสายการผลิต ข้อมูลจากเซ็นเซอร์เหล่านี้จะถูกส่งไปยังระบบควบคุม เพื่อปรับการเคลื่อนที่ของหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการประกอบ หากเซ็นเซอร์ตรวจพบข้อผิดพลาด เช่น ชิ้นส่วนไม่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ระบบสามารถหยุดการทำงานชั่วคราวและแจ้งเตือนให้ผู้ควบคุมเข้ามาแก้ไขได้ทันที

4.     ความกังวลด้านความปลอดภัย

ความกังวลด้านความปลอดภัย ในบริบทของ Operation Technology (OT) และระบบควบคุมอุตสาหกรรม (ICS) เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากระบบเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการควบคุมกระบวนการทางกายภาพที่มีความสำคัญต่อการดำเนินงานของอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ หากเกิดปัญหาหรือการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย อาจทำให้เกิดความเสียหายทั้งต่อทรัพย์สินและชีวิตของบุคคลได้

ปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึง

  • การโจมตีทางไซเบอร์  OT และ ICS เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับการโจมตีทางไซเบอร์ เช่น การแฮกเข้าสู่ระบบเพื่อทำให้เครื่องจักรหยุดทำงาน การเปลี่ยนแปลงพารามิเตอร์การควบคุม หรือการขโมยข้อมูลสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อกระบวนการผลิตหรือโครงสร้างพื้นฐาน
  • ความเปราะบางของระบบที่เชื่อมต่อ  เมื่อ OT และ ICS เชื่อมต่อกับเครือข่าย IT หรืออินเทอร์เน็ต จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีและการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งแตกต่างจากเดิมที่ระบบเหล่านี้มักจะถูกแยกออกจากเครือข่ายภายนอก
  • การปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัว  ข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากอุปกรณ์และกระบวนการทางกายภาพจำเป็นต้องได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวด ไม่เพียงแต่เพื่อความปลอดภัยของระบบเท่านั้น แต่ยังเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลด้วย
  • ความพร้อมในการตอบสนองต่อเหตุการณ์  องค์กรต้องมีแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์ (Incident Response Plan) ที่ชัดเจน เพื่อจัดการกับปัญหาความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่าง  ในกรณีที่โรงไฟฟ้าถูกโจมตีทางไซเบอร์ การควบคุมอุปกรณ์สำคัญ เช่น ระบบการจ่ายไฟฟ้า อาจถูกดัดแปลงหรือหยุดทำงาน ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของบุคลากรและความเสถียรของการจ่ายไฟฟ้าในพื้นที่กว้าง หากไม่มีมาตรการป้องกันและแผนการตอบสนองที่มีประสิทธิภาพ ปัญหานี้อาจขยายวงกว้างและสร้างความเสียหายที่ยากต่อการแก้ไข

ประโยชน์ของ Operation Technology (OT) มีความสำคัญอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมและการดำเนินงานของโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจาก OT ช่วยในการจัดการและควบคุมกระบวนการทางกายภาพ ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น นี่คือประโยชน์หลักของ OT

1.      เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต  OT ช่วยในการตรวจสอบและควบคุมกระบวนการผลิตอย่างละเอียดและเรียลไทม์ ทำให้สามารถปรับปรุงกระบวนการ ลดเวลาหยุดทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยรวม

2.      ปรับปรุงความปลอดภัย  ด้วยการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ OT สามารถตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและทำการแก้ไขทันที ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและความเสียหายต่อทรัพย์สินและชีวิต

3.      ลดต้นทุนการดำเนินงาน  การควบคุมและปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างแม่นยำช่วยลดการใช้พลังงาน วัตถุดิบ และการสึกหรอของเครื่องจักร ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง

4.      การตรวจสอบและบำรุงรักษาเชิงป้องกัน  OT ช่วยในการเก็บข้อมูลจากอุปกรณ์และเครื่องจักร เพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน ซึ่งช่วยลดเวลาหยุดทำงานที่ไม่คาดคิดและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์

5.      การปรับตัวและตอบสนองที่รวดเร็ว  ด้วยการควบคุมแบบเรียลไทม์ OT สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการผลิตหรือสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพการทำงานที่เปลี่ยนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6.      การควบคุมคุณภาพ  OT ช่วยในการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ทำให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกมามีคุณภาพตรงตามมาตรฐานที่กำหนด

7.      สนับสนุนการตัดสินใจ  ข้อมูลที่ได้จาก OT ช่วยให้ผู้บริหารและผู้จัดการมีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับการตัดสินใจที่แม่นยำและเป็นไปตามสถานการณ์จริง ทำให้การวางแผนและการบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างองค์กรที่นำ OT ไปใช้งาน

1. บริษัท General Electric (GE)

  • ระบบที่ติดตั้ง  GE ใช้ระบบ Predix, ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม IoT (Internet of Things) ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ ในกระบวนการผลิตทั่วโลก ระบบนี้สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ แล้วนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อการตัดสินใจในกระบวนการผลิต
  • ดีอย่างไร  ระบบ Predix ช่วยให้ GE สามารถตรวจสอบสภาพเครื่องจักรในเวลาจริง ทำให้สามารถวางแผนการบำรุงรักษาเชิงป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลาหยุดทำงานของเครื่องจักร และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

2. บริษัท Siemens

  • ระบบที่ติดตั้ง  Siemens ใช้ระบบ SIMATIC PCS 7, ซึ่งเป็นระบบ DCS (Distributed Control System) ที่ใช้ในการควบคุมและตรวจสอบกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การผลิตเคมีภัณฑ์และพลังงาน
  • ดีอย่างไร  ระบบนี้ช่วยให้ Siemens สามารถควบคุมกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับปรุงกระบวนการ ลดความเสี่ยงจากการทำงานผิดพลาด และช่วยให้การผลิตมีคุณภาพสูงขึ้น

3. บริษัท Toyota

  • ระบบที่ติดตั้ง  Toyota ใช้ระบบ SCADA ในการควบคุมและตรวจสอบสายการผลิตรถยนต์ของตน ระบบนี้ช่วยให้ Toyota สามารถตรวจสอบการทำงานของสายการผลิตทั้งหมด ตั้งแต่การประกอบชิ้นส่วนไปจนถึงการตรวจสอบคุณภาพ
  • ดีอย่างไร  ระบบ SCADA ช่วยให้ Toyota สามารถติดตามประสิทธิภาพของสายการผลิตแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันที เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดข้อบกพร่องในผลิตภัณฑ์

4. บริษัท Shell

  • ระบบที่ติดตั้ง  Shell ใช้ระบบ OSIsoft PI System ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์และเครื่องจักรในโรงกลั่นน้ำมัน
  • ดีอย่างไร  ระบบนี้ช่วยให้ Shell สามารถเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตน้ำมัน ทำให้สามารถปรับปรุงการทำงานของเครื่องจักร เพิ่มความปลอดภัยในการดำเนินงาน และลดต้นทุนการผลิต

ภาพรวม  การนำ OT มาใช้ในองค์กรเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการดำเนินงานในหลากหลายอุตสาหกรรม ระบบ OT ช่วยให้ผู้จัดการและวิศวกรสามารถควบคุมกระบวนการทางกายภาพที่ซับซ้อนและสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น