ISO 14001 เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับระบบการบริหารสิ่งแวดล้อม (Environmental Management System หรือ EMS) ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมการดำเนินงานของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ
วัตถุประสงค์ของ ISO 14001
1. การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยให้องค์กรระบุและลดผลกระทบที่เกิดจากกิจกรรมขององค์กร
เช่น การปล่อยสารพิษ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดการขยะ
2. การปฏิบัติตามกฎหมาย ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างครบถ้วน
3. การปรับปรุงประสิทธิภาพ ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
และลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสิ่งแวดล้อม
หลักการสำคัญของ ISO 14001
1. การมุ่งเน้นที่ลูกค้าและการจัดการสิ่งแวดล้อม
o การสร้างแนวทางและการปฏิบัติที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และตอบสนองต่อความคาดหวังของลูกค้าในด้านสิ่งแวดล้อม
2. การดำเนินการตามกฎหมายและข้อกำหนด
o การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและข้อกำหนดอื่นๆ
ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
3. การระบุและจัดการความเสี่ยง
o การประเมินและจัดการความเสี่ยงและโอกาสที่อาจมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
4. การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
o การทบทวนและปรับปรุงระบบการบริหารสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ข้อกำหนดหลักของ ISO 14001 2015
1. การวางแผน
o การประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม วิเคราะห์ผลกระทบจากกิจกรรมขององค์กรและระบุโอกาสในการปรับปรุง
o การตั้งเป้าหมาย กำหนดเป้าหมายในการปรับปรุงด้านสิ่งแวดล้อมและวางแผนในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น
2. การดำเนินการและการควบคุม
o การจัดการทรัพยากร จัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนระบบการบริหารสิ่งแวดล้อม
o การดำเนินการตามแผน ดำเนินการตามแผนที่วางไว้และควบคุมการปฏิบัติงานเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม
3. การตรวจสอบและประเมินผล
o การตรวจสอบภายใน ดำเนินการตรวจสอบภายในเพื่อประเมินการปฏิบัติตามข้อกำหนดของมาตรฐาน
o การทบทวนโดยผู้บริหาร ผู้บริหารต้องทบทวนและประเมินผลการดำเนินงานของระบบการบริหารสิ่งแวดล้อม
4. การปรับปรุง
o การจัดการกับข้อบกพร่อง การระบุและแก้ไขข้อบกพร่องหรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบการบริหารสิ่งแวดล้อม
o การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ใช้ข้อมูลจากการตรวจสอบและทบทวนเพื่อนำมาปรับปรุงระบบการบริหารสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
มาตรฐาน ISO 14001 ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาเป็นระยะเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของภาคธุรกิจและความต้องการด้านสิ่งแวดล้อม
โดยมีเวอร์ชันหลัก ๆ ดังนี้
1. ISO 14001 1996
- ลักษณะ เวอร์ชันแรกของ ISO 14001 ที่เปิดตัวในปี 1996 เน้นการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นฐาน
โดยมุ่งเน้นที่การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและการลดผลกระทบจากกิจกรรมต่าง
ๆ
- ข้อจำกัด เน้นการปฏิบัติด้านเอกสารและการควบคุมที่ค่อนข้างเคร่งครัด
ขาดการเน้นเรื่องการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องและการจัดการความเสี่ยง
2. ISO 14001 2004
- ลักษณะ มีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความชัดเจนในข้อกำหนดต่าง
ๆ และมุ่งเน้นการปรับปรุงการปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้บริหาร
- ข้อแตกต่าง มีการปรับปรุงในการจัดการเอกสารและการรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์และการควบคุมกระบวนการมากขึ้น
3. ISO 14001 2015
- ลักษณะ เวอร์ชันล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2015 มีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับโครงสร้างพื้นฐานที่ใช้ในมาตรฐาน ISO
อื่นๆ เช่น ISO 9001 2015
- ข้อแตกต่าง
- การจัดการตามความเสี่ยง (Risk-based Thinking) การนำแนวคิดการคิดตามความเสี่ยงเข้ามาใช้เพื่อจัดการผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการระบุโอกาสในการปรับปรุง
- การมีส่วนร่วมของผู้นำองค์กร เน้นบทบาทของผู้บริหารในการสนับสนุนและให้ความสำคัญกับการจัดการสิ่งแวดล้อม
- การลดข้อกำหนดด้านเอกสาร ลดความจำเป็นในการจัดทำเอกสารและเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน
- การมุ่งเน้นด้านการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องในทุกแง่มุมของระบบการบริหารสิ่งแวดล้อม
ข้อแตกต่างหลักระหว่างเวอร์ชันต่างๆ
1. ISO 14001 1996
o มุ่งเน้นที่การปฏิบัติตามข้อกำหนดและการควบคุมผลกระทบพื้นฐาน
2. ISO 14001 2004
o การเน้นการปรับปรุงการปฏิบัติและการมีส่วนร่วมของผู้บริหารมากขึ้น
3. ISO 14001 2015
o การเน้นการคิดตามความเสี่ยง การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
และการมีส่วนร่วมของผู้นำองค์กร
o การจัดทำเอกสารที่ลดข้อกำหนดและเพิ่มความยืดหยุ่น
การได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14001 2015 มีประโยชน์หลายประการสำหรับองค์กร
โดยเฉพาะในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและการเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงาน
ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
1. การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- การจัดการการปล่อยสารพิษ การมีระบบบริหารสิ่งแวดล้อมช่วยให้องค์กรสามารถลดการปล่อยสารพิษและมลพิษที่เกิดจากกิจกรรมการดำเนินงาน
- การจัดการขยะและของเสีย ช่วยให้องค์กรจัดการกับขยะและของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
2. การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนด
- การปฏิบัติตามข้อกำหนด ช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมอย่างครบถ้วน
ลดความเสี่ยงในการถูกลงโทษหรือปรับ
- การเตรียมความพร้อม ช่วยให้มีความพร้อมในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายสิ่งแวดล้อม
3. การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
- การประหยัดทรัพยากร การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
- การปรับปรุงกระบวนการ การวิเคราะห์และจัดการกระบวนการอย่างมีระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสีย
4. การเสริมสร้างความเชื่อมั่นของลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- การเพิ่มความเชื่อมั่น การรับรอง ISO 14001 2015 ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจากลูกค้าและคู่ค้า
- การตอบสนองต่อความคาดหวัง ช่วยให้สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม
5. การสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
- การพัฒนาที่ยั่งยืน ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
- การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี การมีระบบบริหารสิ่งแวดล้อมที่เป็นมาตรฐานช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร
6. การจัดการกับความเสี่ยงและโอกาส
- การวิเคราะห์ความเสี่ยง การใช้แนวคิดการคิดตามความเสี่ยงในการจัดการสิ่งแวดล้อมช่วยให้สามารถระบุและจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้ดีขึ้น
- การระบุโอกาส ช่วยในการระบุโอกาสในการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการด้านสิ่งแวดล้อม
7. การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- การสร้างความตระหนัก ช่วยเพิ่มความตระหนักให้กับพนักงานในด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม
และสร้างวัฒนธรรมที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
8. การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
- การทบทวนและปรับปรุง การมุ่งเน้นการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาการจัดการสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพได้ตลอดเวลา
การได้รับการรับรอง ISO 14001 2015 ไม่เพียงแต่ช่วยให้การจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กรมีประสิทธิภาพ แต่ยังส่งผลดีต่อการดำเนินงานในด้านอื่น ๆ ทั้งในแง่ของการลดต้นทุน การเพิ่มความเชื่อมั่น และการพัฒนาที่ยั่งยืน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น