ISO 22301 คือมาตรฐานสากลที่กำหนดแนวทางและข้อกำหนดสำหรับการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management System หรือ BCMS) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้องค์กรสามารถเตรียมความพร้อมและตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่อาจทำให้การดำเนินงานหยุดชะงักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ การโจมตีทางไซเบอร์ หรือวิกฤติอื่น ๆ
ลองนึกภาพว่าองค์กรของคุณเป็นโรงงานที่ผลิตสินค้าและมีสายการผลิตที่สำคัญมาก
สายการผลิตนี้เปรียบเสมือน "หัวใจ" ของธุรกิจ
หากเกิดเหตุการณ์ใดที่ทำให้สายการผลิตนี้หยุดชะงัก เช่น ไฟฟ้าดับ หรือภัยธรรมชาติ
อาจส่งผลให้ธุรกิจต้องหยุดทำงาน สูญเสียรายได้ และเสียความน่าเชื่อถือในตลาด
ISO 22301 เหมือนกับการสร้าง "แผนสำรอง"
ที่มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบ โดยมีการจัดทำขั้นตอนต่าง ๆ
เพื่อป้องกันความเสียหาย และฟื้นฟูธุรกิจอย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
เป้าหมายคือทำให้แน่ใจว่าองค์กรสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องหรือสามารถกลับมาดำเนินงานได้ในเวลาที่สั้นที่สุดหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
องค์ประกอบสำคัญของ ISO 22301
1. การระบุและการวิเคราะห์ความเสี่ยง (Risk Identification and Analysis)
o การระบุปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจทำให้องค์กรหยุดชะงัก เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วม
การโจมตีทางไซเบอร์ และอื่น ๆ
o การวิเคราะห์ผลกระทบและประเมินความรุนแรงของแต่ละความเสี่ยง
2. การวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Planning)
o การสร้างแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) ที่ระบุวิธีการตอบสนองและฟื้นฟูจากเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
เช่น
การหาทางเลือกสำหรับการผลิตที่สำรองหรือการสื่อสารกับลูกค้าเมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤต
3. การทดสอบและฝึกฝน (Testing and Training)
o การทดสอบแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจผ่านการซ้อมสถานการณ์ต่าง ๆ
เพื่อให้แน่ใจว่าแผนมีประสิทธิภาพ
o การฝึกฝนบุคลากรให้พร้อมที่จะตอบสนองเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
4. การติดตามและปรับปรุง (Monitoring and Improvement)
o การติดตามผลการดำเนินงานและปรับปรุงแผนตามผลการทดสอบและประสบการณ์จากเหตุการณ์จริง
เมื่อองค์กรนำ ISO 22301 มาปรับใช้ องค์กรจะสามารถ
- มีระบบการจัดการความเสี่ยงที่เข้มแข็ง
ทำให้องค์กรสามารถป้องกันและลดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่อาจทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้
- สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและผู้ถือหุ้นว่าธุรกิจขององค์กรมีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์วิกฤต
- เพิ่มความยั่งยืนและความยืดหยุ่นให้กับองค์กรในระยะยาว
มาตรฐาน ISO 22301 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ
(Business Continuity Management System หรือ BCMS) ได้รับการปรับปรุงและเผยแพร่ในเวอร์ชันต่าง ๆ
ตามระยะเวลาที่ผ่านมาเพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
ดังนี้
1. ISO 22301 2012
- เผยแพร่ครั้งแรก มาตรฐาน ISO 22301 ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2012 โดยเป็นมาตรฐานแรกที่กำหนดแนวทางและข้อกำหนดสำหรับการจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ
- เนื้อหาหลัก มาตรฐานนี้เน้นการสร้างความสามารถในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินหรือตอนที่มีความเสี่ยงสูง
โดยครอบคลุมการวางแผน การเตรียมพร้อม การดำเนินการ และการฟื้นฟู
2. ISO 22301 2019
- การปรับปรุง มาตรฐาน ISO 22301 ได้รับการปรับปรุงในเดือนตุลาคม 2019 เพื่อให้ทันสมัยและสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
- เนื้อหาหลักที่ปรับปรุง
- การลดความซับซ้อนของข้อกำหนดและการปรับปรุงภาษาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เพื่อให้องค์กรนำไปปรับใช้ได้ง่าย
- การปรับปรุงเกี่ยวกับข้อกำหนดทางด้านเอกสาร (Documentation requirements) โดยเน้นการจัดทำเอกสารเท่าที่จำเป็น
- การเน้นความสำคัญของบริบทองค์กร (Context of the organization) และความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการพัฒนาระบบ
BCMS
- การรวมข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการประเมินความเสี่ยงและโอกาส
(Risk and opportunities assessment) เข้าไปในกระบวนการวางแผน
ความแตกต่างระหว่างเวอร์ชัน 2012 และ
2019
- การจัดการเอกสาร เวอร์ชัน 2019 ลดความซับซ้อนและยืดหยุ่นในการจัดการเอกสารมากขึ้น
ทำให้องค์กรสามารถมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติที่สำคัญแทนการสร้างเอกสารจำนวนมาก
- การเน้นบริบทขององค์กร เวอร์ชัน 2019 ให้ความสำคัญกับการประเมินบริบทขององค์กร
และความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากขึ้น
เพื่อให้การจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจมีความสอดคล้องกับความต้องการและสถานการณ์เฉพาะขององค์กร
มาตรฐาน ISO 22301 มีประโยชน์หลายประการที่ช่วยให้องค์กรสามารถจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยประโยชน์หลักๆ มีดังนี้
1. การเตรียมความพร้อม ช่วยให้องค์กรมีการวางแผนและเตรียมความพร้อมในการจัดการกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
เช่น ภัยธรรมชาติ หรือการหยุดชะงักในการดำเนินงาน
2. การจัดการความเสี่ยง ช่วยในการระบุ ประเมิน
และจัดการความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน
ทำให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
3. การฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน
มาตรฐานนี้ช่วยให้องค์กรสามารถฟื้นฟูการทำงานได้อย่างรวดเร็ว
ลดระยะเวลาในการสูญเสียรายได้
4. การเพิ่มความเชื่อมั่น การได้รับการรับรองตามมาตรฐาน
ISO 22301 จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการรักษาความต่อเนื่องทางธุรกิจ
ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
5. การปรับปรุงภาพลักษณ์และการแข่งขัน การปฏิบัติตามมาตรฐานนี้สามารถช่วยให้องค์กรมีภาพลักษณ์ที่ดี
โดยแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานและความรับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจ
6. การสื่อสารที่ดีขึ้น มาตรฐานนี้มีกรอบการทำงานที่ชัดเจน
ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถสื่อสารและประสานงานระหว่างฝ่ายต่าง ๆ
ภายในองค์กรได้ดียิ่งขึ้น
7. ความสามารถในการตรวจสอบและปรับปรุง การมีระบบการจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจที่ได้มาตรฐานช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบและปรับปรุงกระบวนการจัดการความเสี่ยงและความต่อเนื่องได้อย่างมีระบบ
8. ความสามารถในการเชื่อมโยงกับมาตรฐานอื่นๆ ISO 22301 มีโครงสร้างสูง
(HLS) ที่สามารถเชื่อมโยงกับมาตรฐาน ISO อื่นๆ เช่น ISO 9001 (การจัดการคุณภาพ) และ ISO
14001 (การจัดการสิ่งแวดล้อม)
ทำให้องค์กรสามารถพัฒนาระบบการบริหารจัดการที่รวมกันได้ง่ายขึ้น
การนำ ISO 22301 มาปรับใช้ในองค์กรมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
1. การประเมินความเสี่ยง
(Risk Assessment)
- วิเคราะห์และระบุความเสี่ยงที่อาจทำให้องค์กรหยุดชะงัก เช่น
ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ การโจมตีทางไซเบอร์ หรือปัญหาภายในองค์กร
- ประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงเหล่านั้น
2. การวางแผนและการออกแบบ
(Planning and Design)
- จัดทำแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan หรือ BCP) โดยระบุแนวทางในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
- กำหนดเป้าหมายของการฟื้นฟูธุรกิจหลังจากเกิดเหตุการณ์
3. การดำเนินการ (Implementation)
- นำแผน BCP ที่พัฒนาไปแล้วมาปรับใช้ในองค์กร
- จัดตั้งทีมงานที่รับผิดชอบในแต่ละส่วนของแผน
รวมถึงการอบรมและฝึกฝนบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
4. การทดสอบและการตรวจสอบ
(Testing and Exercising)
- ทดสอบแผน BCP อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าแผนยังคงมีประสิทธิภาพ
- ตรวจสอบและประเมินผลการดำเนินงานของแผน เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุง
5. การติดตามและการปรับปรุง
(Monitoring and Improvement)
- ติดตามผลการดำเนินงานของ BCMS และทำการปรับปรุงตามผลการตรวจสอบและการทดสอบ
- ทำการตรวจสอบเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าแผนและกระบวนการยังคงสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงขององค์กรและสภาพแวดล้อมภายนอก
6. การรับรองและการตรวจสอบ
(Certification and Audit)
- หากต้องการได้รับการรับรอง ISO 22301 องค์กรต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่ได้รับการรับรอง
เพื่อยืนยันว่าองค์กรได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของมาตรฐานนี้อย่างถูกต้อง
การนำ ISO 22301 มาปรับใช้จะช่วยให้องค์กรสามารถจัดการกับความเสี่ยงและเหตุการณ์ที่อาจทำให้การดำเนินงานหยุดชะงักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลดผลกระทบและฟื้นฟูธุรกิจได้เร็วขึ้น
รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและผู้ถือหุ้น
การขอการรับรองมาตรฐาน ISO 22301 2019 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ
(Business Continuity Management System หรือ BCMS) นั้น
เป็นกระบวนการที่ต้องผ่านการประเมินจากหน่วยงานรับรองที่ได้รับการรับรอง (Certification
Body) โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
1. การเตรียมความพร้อม (Preparation)
- การศึกษาและทำความเข้าใจมาตรฐาน ศึกษาและทำความเข้าใจข้อกำหนดของ ISO 22301 2019 เพื่อให้ทราบถึงสิ่งที่องค์กรต้องทำเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน
- การฝึกอบรม อบรมพนักงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจถึงมาตรฐานและบทบาทของตนในการดำเนินการตามมาตรฐานนี้
- การวิเคราะห์ช่องว่าง (Gap Analysis) วิเคราะห์ช่องว่างระหว่างสถานะปัจจุบันขององค์กรกับข้อกำหนดของมาตรฐาน
เพื่อหาจุดที่ต้องปรับปรุง
2. การจัดตั้งและดำเนินการระบบ
BCMS
- การจัดทำเอกสาร จัดทำเอกสารที่จำเป็นตามข้อกำหนดของมาตรฐาน
เช่น นโยบายการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ แผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ
(BCP) ขั้นตอนการทำงาน และการบันทึกต่าง ๆ
- การนำระบบไปปฏิบัติ นำระบบ BCMS ไปปรับใช้ในองค์กร รวมถึงการอบรมและฝึกซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อม
- การทดสอบและปรับปรุง ทดสอบระบบ BCMS ผ่านการซ้อมและตรวจสอบเพื่อหาจุดที่ควรปรับปรุง
3. การตรวจประเมินภายใน (Internal
Audit)
- ทำการตรวจสอบภายในเพื่อตรวจสอบว่าองค์กรปฏิบัติตามข้อกำหนดของ ISO 22301 2019 และเพื่อประเมินความพร้อมก่อนการตรวจสอบจากหน่วยงานรับรอง
4. การขอการรับรอง (Certification)
- การเลือกหน่วยงานรับรอง เลือกหน่วยงานรับรองที่ได้รับการยอมรับและมีความเชี่ยวชาญในการตรวจประเมินตามมาตรฐาน
ISO 22301 2019
- การตรวจประเมินระยะแรก (Stage 1 Audit) หน่วยงานรับรองจะทำการตรวจสอบเอกสารและประเมินความพร้อมเบื้องต้นของระบบ
BCMS ในองค์กร
- การตรวจประเมินระยะที่สอง (Stage 2 Audit) หน่วยงานรับรองจะทำการตรวจสอบระบบ
BCMS ทั้งหมดในองค์กร
เพื่อให้แน่ใจว่าองค์กรได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของ ISO 22301 2019 อย่างสมบูรณ์
- การตัดสินผลการตรวจประเมิน หากองค์กรผ่านการตรวจประเมิน
หน่วยงานรับรองจะออกใบรับรองมาตรฐาน ISO 22301 2019 ให้กับองค์กร
5. การติดตามและการตรวจประเมินเป็นระยะ
(Surveillance Audit)
- หลังจากได้รับการรับรอง
องค์กรจะต้องได้รับการตรวจประเมินเป็นระยะจากหน่วยงานรับรอง
เพื่อให้มั่นใจว่าองค์กรยังคงปฏิบัติตามข้อกำหนดของมาตรฐาน
6. การต่ออายุใบรับรอง (Recertification)
- ใบรับรองมาตรฐาน ISO 22301 2019 จะมีอายุประมาณ
3 ปี
หลังจากนั้นองค์กรจะต้องผ่านการตรวจประเมินใหม่เพื่อรับใบรับรองต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น